In ๐ประสบการณ์๐ ทบทวนตัวเอง ปีใหม่ รีวิว new year

A year and review 2019: ปีใหม่อีกแล้วหรอเนี่ย


มารีวิวปี 2019 แบบสั้นๆในแบบฉบับคนขี้เกียจ (ไปอ่านรีวิวของตัวเองตอนปี 2018 ฉันก็ขี้เกียจ สรุปได้ว่า ขี้เกียจ=นิสัย=แก้ไม่ได้)

เป็นปีที่ไม่ได้เที่ยวมากเท่าไหร่ ไม่ได้กลับไทย พยายามมีความสุขแบบมินิมอล คือพยายามมีความสุขกับสิ่งเล็กๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เครียด ร้องไห้ ค่อนข้างบ่อยในหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องงาน เรื่องเรียน เรื่องเงิน เรื่องรัก เอออออ ก็ทุกเรื่องแหละเว้ย ขึ้นปีใหม่ก็ร้องไห้ฉลองปีใหม่มาแล้วหว่ะ

มองย้อนไปทีละเรื่อง ถ้าพูดถึงเรื่องเรียน ครับ!! ผมเรียนจบแล้วครับ ได้ไปฝึกงานที่มิวเซียมในออสเตรีย ซึ่งเป็นที่ที่เราชอบมาก แต่เราก็ผิดหวังมากเช่นกัน เพราะเราไม่ได้เข้าไปทำอะไรเลย ไม่มีการป้อนงานให้เราทำ ฉันต้องนั่งเปื่อยอ่านเปเปอร์ตาเปียกทุกวัน.. เพราะนี่คาดหวังว่าเราจะได้ประสบการณ์การทำงานจากที่นี่ไง แต่ก็ได้แค่ทำรีเสิร์ชของตัวเอง มันน่าเบื่อมากๆเว้ยแก เวลาแกไม่มีอะไรทำอ่ะ
แล้วเราย้ายไปออสเตรีย ก็ไปอยู่ที่อพาร์ตเมนท์กับคนท้องถิ่นที่นั่นเลย แน่นอนว่า ทุกคนจะชอบถามว่าฉันอยู่สวนสัตว์รึเปล่า เพราะแฟลตเมทฉันมี แมวสอง กระต่ายสี่ ม้าหนึ่ง น่ารักทุกตัว พูดถึงแล้วก็คิดถึงแซมมี่และชาร์ลี่ เจ้าแมวสองตัวที่ไม่ทำให้เราเหงามากเท่าไหร่ เพราะพวกนางมาก่อกวนตลอดเวลา สร้างปัญหาบ้างบางครั้ง

แซมมี่: แมวที่โคตรจะแอคทีฟ เฟรนลี่ เป็นมิตรกับทุกสรรพสัตว์ ยกเว้นผู้ชาย น้องจะชอบเดินมาคลอเคลีย มาอ้อน โดดไปมา กายกรรมขึ้นตู้ ปีนป่าย เจอกันวันแรก น้องก็คือ เราสนิทกันแล้วน้า เหมียวๆ
ชาร์ลี่: แมวอินโทรเวิร์ตแบบ โคตรจะเก็บตัว ซ่อนตัวเก่ง ไม่ยอมให้จับ ไม่ยอมอยู่ใกล้ ชอบวิ่งหนีด้วยแอตทิจูด อย่ามายุ่งกับกู แต่ถ้ามีของกินน้องจะมาอยู่ใกล้ๆทันที นี่ก็ตีซี้น้องภายในสามวัน จากที่แอบๆอยู่ น้องก็เริ่มเปิดใจ และหลังๆก็แอบมานอนซบเราบ้าง(โคตรจะดีใจ น้องมาอ้อน)
อะมิโก้: เป็นม้าอายุเกือบเท่าเรา น้องก็แก่ประมาณนึง เป็นม้าแก่ ใจดี เห็นแก่กิน เพราะตอนพาไปเดินเล่น ยากสุดก็คือ ดึงไม่ให้น้องกินหญ้านี่แหละ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ดูแลม้าใกล้ชิดขนาดนี้  พาไปเดินเล่นเป็นชั่วโมง แต่เสียใจที่ไม่ได้ขี่ เพราะฉันขี่ไม่เป็นนน
แก๊งกระต่ายเกมส์ออฟโทรน: น้องกระต่ายสามตัวแห่งตะกูลสตาร์ค จอน สโนว์, ซานซ่า, อารยา และทีเรียน (จากแลนนิสเตอร์) ปกติเราก็แค่เอาผักไปให้น้องกิน ให้น้ำน้องบ้าง แค่นั้นแหละ เพราะน้องอาศัยอยู่ในกรงในสวน เป็นกระต่ายที่ตัวใหญ่กว่าแมว เจ้าอ้วนนนน เห็นแล้วอยากกอดดดด
แฟลตเมทเราที่ออสเตรียก็คือ คนดี รักสัตว์ ทำงานหนัก เรียนอีกต่างหาก เป็นมังสวิรัติด้วย แม้เราจะไม่ได้สนิทกันมาก เพราะต่างๆฝ่ายต่างโลกส่วนตัวสูงแบบลิบเลย เวลากลับบ้านก็อยากจะแค่ใส่หูฟังฟังเพลง ใช้เวลากับตัวเอง เท่านั้นพอ แต่ก็เป็นครั้งแรกที่เราได้ฉลองเทสกาลอีสเตอร์ ได้ไปเจอครอบครัวแบบออสเตรียนจ๋าๆ ไปบ้านต่างจังหวัด ไปเจอคุณยายที่แม้จะพูดได้แต่เยอรมัน แต่ก็ใจดีมากๆ ให้ไข่อีสเตอร์มาด้วย พ่อแม่ก็แฟลตเมทก็คือเห็นเราเป็นคนในครอบครัวตลอด ชวนไปกินข้าวเรื่อยๆ แม้จะเป็นแค่สามเดือนสั้นๆ แต่เราก็จะไม่ลืมประสบการณ์เหล่านี้นะ

ช่วงสามเดือนในออสเตรียคือโคตรจะคลีน กินเฮลตี้ ไปว่ายน้ำ ไม่มีการไปปาร์ตี้แบบบ้าคลั่ง มีแต่ไปนั่งกินไวน์กับพ่อแม่แฟลตเมท หรือไม่ก็ออกไปดื่มเบาๆกับใครก็ไม่รู้ (เหงาแค่ไหน ถึงขนาดโหลดแอพ meet-up เพื่อหากลุ่มไปแฮงเอ้าอ่ะ ท้อแท้สาสสสส) แต่พอพ้นเดือนแรกไปแล้ว เราก็ไม่เหงามาก เพราะเพื่อนที่ไทยไปทำงานที่มิวนิคจ้า นี่ก็เลยไปหาเกือบทุกวีคเอน จนคนคิดว่าฉันย้ายไปอยู่มิวนิคละเนี่ย แล้วนี่เพื่อนๆ พี่ๆ อยู่มิวนิคกันเยอะมาก ไปทีคือ นัดได้หลายแก๊งเลย ไหนจะได้ไป Road trip ที่ออสเตรีย ซึ่งสวยแบบ นี่มันสวรรค์โว้ยยยย อยากตื่นมาเห็นภูเขาแบบนี้ทุกวัน ได้เจอเพื่อนที่ปีที่แล้วหนีไปนอนที่เบอร์ลินด้วย คิดถึงมากกก เม้ากันยาวๆ ได้เจอคนอีกมากมาย คือ เพื่อนไปทริปบริษัทเว้ย แล้วฉันก็ไปจอยด้วยเฉย คนนอกสึสๆ แต่ก็หาได้แคร์ไม่ ใครชวนผมไปไหน ผมไปหมด ถ้าเวลาว่าง เงินพอมี ไปครัส!!

ปีนี้คือมิติใหม่แห่งการไปเที่ยวอีกมุมมองนึง ซึ่งไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะทำได้ นั่นคือ.. ไปเที่ยวกับเพื่อนของเพื่อน (แบบที่ไม่เคยคุยหรือเจอหน้ากันมาก่อนเลย โคตรพีคอ่ะ) เพื่อนทักมาว่า แกไปเที่ยวเป็นเพื่อนกับเพื่อนฉันหน่อย นี่ก็เลย ทักมาดิ แล้วก็ไปเชร็ค(รอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้) กับบูดาเปส (ไปอีกแล้วหรอวะ) ก็นั่นแหละครับ ทริปเจอเพื่อนใหม่

พอกลับมาเดนมาร์ก ชีวิตการเขียนทีสิสก็เริ่มต้นขึ้น พร้อมๆกับชีวิตปาร์ตี้บ้าคลั่ง จนสั่นกลัวไปหมดแล้ว แรกๆก็พยายามหลีกหนี ท้ายที่สุดคือ เออ ห้ามไม่ได้ก็จอยด้วยละกัน เอาให้หนักไปเลย!! มั่วซั่วกันให้สุดนะอิพวกเวร!!

อีกเรื่องที่ทำให้ชีวิตเศร้าก็คือเรื่องเงินนี่แหละ กำลังจะเรียนจบหมายความว่า เราจะไม่ได้เงินทุนแล้ว หมายความว่า เราจะไม่มีเงินเดือน หมายความว่า เราต้องหางานทำ ซึ่ง... งานมันไม่ได้หาได้ง่ายๆเลยนะเว้ย โดยเฉพาะ ฉันที่ต้องการเปลี่ยนสายงาน เลยไม่มีประสบการณ์ใดๆเลย ไหนจะไม่มีคอนเนคชั่นที่นี่(ระบบคอนเนคชั่นที่นี่หน่ะ แข็งแกร่งนัก!!) บอกตรงๆว่า ตอนนั้นวิตกมาก เครียดสุด จะเอาชีวิตรอดยังไงดีวะ ครอบครัวก็กดดันให้กลับไทย แน่นอนว่าผมไม่พร้อมกลับตอนนี้ ฉันจะลองทำทุกอย่างให้ดำรงชีวิตอยู่ให้ได้ คือได้จดหมายปฏิเสธมาจนชินแล้วอ่ะ ตอนนี้คือส่งรีเจคชั่นมาเลย ชินละ ไม่รู้สึกอะไรละ หดหู่จนชินไปเองแล้วเนี่ย

นี่เลยเริ่มหางานพาร์ทไทม์ทำ สมัครไปหมดเลยนะ ร้านอาหารไทยเอย อินเดียเอย แม่บ้านก็สมัครนะเว้ย เรียกฉันไปสัมภาษณ์ด้วย แต่พอคุยแล้ว รู้เลยว่า บรรยากาศการทำงานไม่โอเคอย่างแรง (เงินไม่มี ก็ยังจะเรื่องมากอีก) ช่วงนั้นก็ไปเป็นแม่บ้านอยู่เดือนนึงนะ คือ เป็นแม่บ้านแบบตามแอพพลิเคชั่นอ่ะ เขาจองมา เราก็ไปทำ เรียกเรทเงินเองได้ ตอนแรกก็สั่นกลัว เพราะไม่เคยทำมาก่อนเลย กลัวหลายๆอย่าง จะโดนกดหัวไหมวะ แต่คนส่วนใหญ่ในประเทศที่เจริญแล้วเนี่ย เขาเป็นบุคคลที่เจริญแล้วจริงๆหน่ะ เขาเคารพเรามากๆ ไม่มีการจิกหัว หรือสั่ง เรารับรู้ได้ว่าเขาเคารพในเรามาก ไม่ได้มองเราเป็นคนอีกชนชั้นนึง ชวนดื่มน้ำ ทำกาแฟให้ ชงชาให้เรากินด้วยซ้ำ มันทำให้เรามองโลกกว้างขึ้น เห็นอะไรมากขึ้น งานก็ไม่หนักขนาดนั้นด้วย ก็เหมือนทำงานบ้านปกติ แค่ปัด กวาด เช็ดถู แต่ก็ทำได้แค่เดือนนึง เราก็ได้งานที่ร้านอาหารไทย ที่เราสมัครไปแต่ไม่คิดว่าจะได้ เพราะร้านเขามีมิชลินสตาร์ แต่เขาก็ไม่ได้ให้เราไปทำร้านมิชลินหรอกนะ แต่ร้านอาหารในเครือร้านนี้ก็คือ มีเป็นสิบร้าน เพราะงั้นเราก็วิ่งหลายร้านเหมือนกัน เราเลือกจะทำงานในครัว เพราะจริงๆเราก็ชอบดูทำอาหารอ่ะ แล้วเราก็หวั่นกลัวกับการรับมือลูกค้า และภาษาที่เราพูดได้แค่อังกฤษ เริ่มต้นที่ไปม้วนเปาะเปี๊ย งานมีแค่นี้จริงๆ ชอบงานนี้มาก ดูหนัง ฟังเพลงไปด้วย ม้วนไปด้วย อย่างเพลิน แล้วก็เริ่มเข้าไปช่วยงานในครัว ช่วยทอด ช่วยย่าง ช่วยต้มซุปต่างๆ มีโอกาสได้ใช้เครื่องสูญญากาศด้วยอ่ะ คือ เคยเห็นเครื่องแบบนี้ในมาสเตอร์เชฟเท่านั้นแหละ ก็แฮปปี้กับพี่ๆที่ร้านมากๆ เราแฮปปี้ที่จะไปทำงานอ่ะ แล้วเจ้าของร้านก็เริ่มอัพเกรดฉันให้ฉันออกมารับมือลูกค้า คือเป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว บางวันคือ ใส่ชุดเชฟตอนกลางวัน พอเย็นๆ กูเปลี่ยนชุดจ้า ออกไปรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มการค้า (เกลียดสุดก็คือต้องยิ้ม แม้กูอารมณ์ไม่ดี) แต่มันไม่ได้ง่ายเลยนะ การเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารเนี่ย จริงๆก็อัพสกิลเราในหลายๆเรื่องนะ ต้องทำเครื่องดื่มด้วย ก็ได้เล่นเป็นบาร์เทนเดอร์ เชคๆคอกเทลหว่ะ พอได้ทิปส์ ก็อารมณ์ดีและมีกำลังใจในการทำงานเลยอ่ะ ก็ทำให้เรารู้นะว่า เวลาเราไปกินข้าวเนี่ย ถ้าเขาบริการดี เราก็ควรให้ทิปส์นะ(ยิ่งถ้าแกเรื่องมาก ขอโน่นนี่เยอะแยะ ช่วยให้ทิปส์เขาหน่อย) แล้วก็จะไม่ไปกินร้านอาหารตอนใกล้ปิด เพราะ พนักงานทุกคนอยากรีบปิดร้านกลับบ้านโว้ยยย

มาถึงเรื่องความรัก.. เรื่องที่เหมือนจะไม่เป็นปัญหา แต่ก็เป็นปัญหานะเว้ย บางทีแม่งก็ทำให้อารมณ์เหวี่ยงแบบไบโพล่าได้เลยนะ ถ้าถามเรื่องแฟน ก็ตอบเลยว่าไม่มี มีคนคุยไหม ก็ต้องตอบอีกว่าไม่มี ทุกคนก็คงงงๆหล่ะสิ ว่าแล้วฉันจะมีอารมณ์อกหักได้ยังไง ได้ดิวะ!! ก็ไปชอบคนที่เขาไม่ชอบเราไงโว้ย แล้วก็ต้องมาเห็นอะไรหลายๆอย่างที่แม่งทะลวงจิตใจสุดๆ ไม่ว่าจะเห็นเขาจีบคนอื่น ตามคนอื่น ให้ความสำคัญกับคนอื่น เจ็บจนปล่อยวาง จนชิน จนพอแล้ว จนอยากจะมูฟออนแล้ว แต่ก็โดนกระชากกลับไปที่จุดเดิมอีก มูฟออนเป็นวงกลมที่แท้ทรู เหมือนมันรู้ว่าจะมูฟออนหรอ ไม่มีทางซะหรอก!! แต่เราก็จะพยายามมูฟออนต่อไป เชื่อมั่นว่าวันนึงจะทำได้แน่นอน เราก็ภูมิใจกับตัวเองในเรื่องนี้เหมือนกันนะ เอาจริงๆ เรื่องนี้แม่งส่วนตัวมากๆ แต่เราก็อยากแชร์นะ เราเชื่อมาตลอดว่า เซกส์มันแลกความรักไม่ได้นะเว้ย มันเป็นประโยคที่ดึงสติมากๆนะ ก็ไม่อยากจะเชื่อว่า ฉันจะมาถึงจุดนี้ได้ แม้เราจะชอบเขาแค่ไหน แต่เรารู้อยู่แก่ใจป่ะวะ ว่าเขาไม่ได้ชอบเรา แค่กล้าพอที่จะปฏิเสธอ่ะ แกจะภูมิใจในตัวเองเว้ย ไม่ได้หมายความว่า การมีเซกส์มันไม่ดีนะเว้ย แต่แกต้องเช็คตัวแกเองด้วย ว่าแกเอามันมาแลกความรัก เอาความรู้สึกใส่ลงไปแค่ไหน แกหวังอะไรหลังจากนี้ เพราะถ้าแค่สนุกๆขำๆไม่คาดหวังอะไร แกเอาเลยเว้ย ตามสะดวก แต่ถ้าแกคาดหวังจะได้รับความรักกลับมา อย่าเลยหว่ะแก ก็ไม่ใช่ว่าจะทำตามใจตัวเองไม่ได้นะเว้ย คือก็ทำได้ในลิมิตที่แกไหวอ่ะ แกไหวแค่ไหนก็ไปแค่นั้นแหละ เพราะสำหรับเราเป็น friend เฉยๆเถอะ อย่าเป็น friend with benefit กันเลย เพราะฉะนั้นเรื่องความรัก ยังเปิดอยู่จ้า ขอให้มา 555 แม้เราจะโง่เวลามีคนมาอ่อย และขี้รำคาญเวลามีคนมาเจ๊าะแจ๊ะ แต่นั่นแหละ ขอให้มา อดทนกูหน่อยยยย

แล้วเราก็เห็นความสัมพันธ์ประหลาดๆมากมายในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น open relationship ที่แบบว่าแกไปนอกกายได้นะ เอาเลย แต่ห้ามนอกใจ ซึ่งมันมีจริงๆนะเว้ย เพื่อนฉันนี่แหละ ตอนแรกก็ตกใจว่าได้หรอวะ แต่คือมันก็ได้จริงๆ แล้วแฟนมันก็โอเคด้วย หรือการอยากจะชวนๆกันไปทรีซั่ม มันก็ได้หรอวะ!! (แต่อันนี้เคยแต่ได้ยินเขาชวนกัน แต่ไม่รู้เขาทำกันไหม) หรือความสัมพันธ์แบบไม่มีชื่อเรียก เป็นเพื่อนกันนะ แต่ก็ไม่ใช่เพื่อนธรรมดา จะเรียน friend with benefit ก็ไม่ได้ เพราะพวกมันก็หึงหวงกันเหมือนเป็นแฟน แต่คือก็ไม่เรียกแฟน เจอครอบครัวแล้วด้วย แต่ก็ยังไม่ใช่แฟน เป็นความสัมพันธ์ที่งงๆดี แต่ก็แล้วแต่เพื่อนจะสบายใจหน่ะ เราก็มีหน้าที่ support เท่านั้นเอง

อีกเรื่องที่ทำให้เราแฮปปี้ในปีนี้ แม้จะไม่แฮปปี้สุด แต่ก็แฮปปี้คือ หลีกับต้ามาหาเราที่ยุโรปแล้วโว้ยยยย ที่แฮปปี้ไม่สุด เพราะเราไปจอยทริปเที่ยวด้วยไม่ได้นี่แหละ มาตอนกูไม่มีเงินทำไมเนี่ยยย แต่อย่างน้อยๆเราก็ได้ไป Oktoberfest ด้วยกัน ตามความอยากของพวกเราทุกคน เมาขึ้นรถบัสข้ามประเทศ ไปลอยในคริสเทียเนีย ลองบราวนี่อวกาศ (เหมือนกุพาเพื่อนมาเสียคนเลย) แม้จะไม่ได้มีปาร์ตี้บ้าคลั่ง แต่ก็ดีใจนะที่พวกมึงมาหากู กูอยากให้มึงมาอยู่ มาสนุก มาบ้าไปกับกู คิดถึงหว่ะ

สุดท้ายนี้ ไม่รู้หรอกนะว่าปี 2020 จะดีหรือแย่แค่ไหน แม้จะเปิดปีมาแบบโทรศัพท์หาย ร้องไห้ดราม่า ปวดเข่าเยี่ยงคนแก่ แต่ก็ได้ปาร์ตี้สุดเหวี่ยง เค้าดาวน์แบบบ้าคลั่งสุดในชีวิต ได้ทำตามความฝันว่า ถ้ามีแฟนก็อยากทำแบบนี้ตอนขึ้นปีใหม่ แต่มันติดแค่ว่า ได้ทำแต่ไม่ใช่แฟนนี่แหละ

หวังว่าชีวิตเรามันจะแน่นอกว่านี้ แพลนได้มากกว่านี้ อยากอยู่นิ่งๆซักพักนะ ตอนนี้ชีวิตมันตื่นเต้นเกินไป เบาลงหน่อยก็ได้ แต่ยังไงก็ตาม work hard party harder ค่ะ

PS ว่าจะเขียนสั้นๆ ยาวเฉยยยยยยย

Read More

Share Tweet Pin It +1

0 Comments

In ๐ประสบการณ์๐ ทบทวนตัวเอง ปีใหม่ รีวิว new year

A year and review 2018: ทบทวนปีเก่าเริ่มต้นปีใหม่

Review ปี 2018

ปีที่แล้วว่าจะรีวิวชีวิตของตัวเอง ที่ก้าวออกมาจากคอมฟอร์ทโซนแบบจริงจัง แต่ก็ไม่มีปัญญาจะทำ ติดเที่ยว ติดเขียนเปเปอร์วนๆไป นี่ว่าจะเขียนลงเฟสบุ๊ค ก็ระลึกได้ว่า... กูมีบล็อกนี่นา และไม่ได้อัพเดทมาเกินปีละ ถือซะว่าอัพเดทเรื่องเรียนไปด้วยละกัน ยำๆไปนะ สำหรับคนที่ติดตามเราเรื่องทุนไปด้วยเลย

ขอนิยามปี 2018 เลยว่า “ปีแห่งความขี้เกียจ” ความขี้เกียจนี่ทำให้ไม่เดินหน้าไปไหนเลยจริงๆนะ แต่ก็แก้ปัญหาขี้เกียจของตัวเองไม่ได้อยู่ดี ไม่รู้จะรีวิวแบบไหนดี เอาเป็นว่า คิดไรได้ก็จะพิมพ์ๆไว้นี่แหละ
เรื่องแรกก็เริ่มต้นด้วยเรื่องคลาสสิกเลย เรื่องเรียนนี่แหละ มาเรียนอยู่ตปท. ย้ายประเทศจากออสเตรียมาเดนมาร์ก ช่วงแรกๆก็คือเครียดมาก เพราะรายจ่ายมันโหดกว่าที่ออสเตรียสองเท่าเลย ช่วงเทอมแรกที่ย้ายมาใหม่ๆก็คือไม่ไปเที่ยวไหนเลย จริงๆคือไปไหนไม่ได้แหละ ต้องรอresidential card เลยขังตัวอยู่ในโคเปนฮาเกนต่อไป

การเรียนก็คือเป็นสไตล์ใหม่แบบที่ไม่เคยมาก่อนเลย คือต้องทำ Semester project ที่เหมือนเป็นทีสิสทุกเทอมอ่ะ สิ่งที่เรียกว่าดีหรือไม่ดีก็ไม่รู้คือ ทำงานกับเพื่อนเป็นกลุ่มนี่แหละ แล้วตัวเราเองก็คือ ไม่ชอบเถียงกับใครอ่ะ แต่เพื่อนนี่ชื่นชอบการเถียงกันมากๆ เรียกเท่ห์ๆก็คือดิสคัส นี่ก็นั่งหันหน้ามองไปมา พวกมึงเถียงกันให้พอ สรุปได้ค่อยเรียกกู แต่เราก็ถือว่าทุกอย่างมันโอเคนะ เรื่องสอบเราก็ขอแค่สอบผ่าน คะแนนไม่เหี้ยไปก็ถือว่าโอเคกับตัวเองแล้ว เพราะภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เก่งมากขนาดนั้น แล้วไหนจะต้องมาเข้าใจคำศัพท์แอดวานซ์ตั่งต่างไปอีกกก สอบก็คือทุกวิชาสอบพูดล้วนๆ คะแนนมาจากการพูดแบบเพียวๆ แล้วนี่พูดไทยยังจะไม่รู้เรื่อง พูดภาษาอังกฤษก็คิดเอาต่อเองเถอะ แค่เอาชีวิตรอดจากห้องสอบได้ก็บุญแล้ว

ปีนี้เป็นปีที่มีเพื่อนใหม่เยอะมากๆ เพราะเราไปปาร์ตี้บ่อย เจอเพื่อนของเพื่อนเวลาไปปาร์ตี้บ้านเพื่อน หรือว่าไปบาร์ที่มหาลัย ใช่ครับ ที่มหาลัยมีบาร์ทุกวันศุกร์ นี่ก็ไปเป็นอาสาสมัคร ไปขายเบียร์ ชงคอกเทล ซึ่งก็ได้เพื่อนจากตรงนั้นเพิ่มมาอีกนะ รู้วิธีดีลกับคนเมา หรือคนมากวนตีน หรือคนมาแซวใดๆก็ตาม ไหนจะในหอที่มีปาร์ตี้ เราก็ได้เพื่อนจากที่หอมาอีกนั่นแหละ เพื่อนในห้องเรียนอะไรแบบนี้ เป็นปีที่เจอคนเยอะมากๆ ซึ่งเราแฮปปี้นะ ถ้ามีโอกาสไปปาร์ตี้ก็คือพยายามไปแทบทุกอัน  เพราะไม่งั้นเราจะอยู่แต่ในห้องนี่แหละ ไม่ไปไหนทั้งนั้นอ่ะ ความขี้เกียจแม่งแทบชนะทุกอย่างจริงๆนะ ตอนไปงานอีเว้นท์ที่มหาลัยอื่น เราก็ได้ไปเจอเพื่อนคนไทยที่นั่นอีก เป็นครั้งแรกที่ได้เจอแก๊งคนไทยอ่ะ(ในมหาลัยตัวเองนี่ไม่เห็นมีคนไทยซักกะคน เศร้าแค่ไหนวะเนี่ย) อยู่ตปท.เกินปี พึ่งได้เจอคนไทยรุ่นราวคราวเดียวกัน แล้วก็เป็นการขยายเพื่อนไปอีกระดับ เริ่มมีเพื่อนมากขึ้นที่อยู่มหาลัยอื่น และนี่ไปหอเพื่อนบ่อยมากกก ไปเที่ยวฟินแลนด์ด้วยกัน มีเพื่อนที่เป็นแก๊งเอเชียนเกิร์ลที่แท้ทรู มันไม่ง่ายนะเว้ยที่จะหาเพื่อนเที่ยวด้วยกันแล้วโคตรจะแฮปปี้อ่ะ

เราเปิดโลกมากขึ้นจากการคุยกับคนหลายๆคน ได้ไปร่วมงานอีเว้น ไปเป็นอาสาสมัครใดๆมากขึ้น เจอคนมากขึ้น คุยกับคนมากขึ้น แล้วก็ทำให้รู้ว่า แม้จะอยู่ในโลกที่หนึ่ง ประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่คนโลกแคบมันก็ยังมีอีกเยอะมากๆจริงๆ เหยียดชนชาติ เหยียดเพศ เหยียดแม่งเข้าไป ก็รู้สึกแย่มากนะที่มีคนแบบนี้ที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล กูถูกที่สุด แม่งมีทุกที่จริงๆ อยากมีฟิลลิ่งว่ากูมั่นใจว่าถูกบ้างอ่ะ นี่คือมีอะไรคิดไว้ก่อนเลยว่า กูผิดแน่ๆเลยหว่ะ ความมั่นใจในตัวเองก็คงเป็นอีกเรื่องที่ต้องเพิ่มมั้ง นี่ชอบมั่นใจในตัวเองในเรื่องโง่อ่ะ แล้วก็มารู้ว่า กูผิดหว่ะ อยากให้ตัวเองมีความมั่นใจในสกิลตัวเองมากขึ้นนะ คือเรารู้สึกว่าไม่กล้าสมัครงานที่ไหน เพราะเรารู้สึกว่า ไม่มีสกิลอะไรเลยหว่ะ ไม่มีความสามารถอะไรเลย ทั้งๆที่พอพิจารณาตัวเองอีกที เรามีสกิลเพิ่มขึ้นนะ จากการเรียนนี่แหละ การเขียนเปเปอร์ที่เราต้องวิเคราะห์ทุกอย่างเอง ไม่ใช่แค่ต้องท่องจำแต่ต้องวิเคราะห์และก็อ้างอิงความรู้ที่มี อย่างน้อยๆสกิลนี้เราก็เพิ่มขึ้น สิ่งที่ยากคือพิจารณาความสามารถของตัวเองนี่แหละ มั่นใจไปก็ไม่ดี ไม่มั่นใจเลยก็จะนั่งหดตัวในกระดองแบบนี้นี่แหละ

ปีนี้ได้ออกจากคอมฟอร์ทโซนอีกระดับคือ ไปเที่ยวคนเดียวเกือบเดือนช่วงซัมเมอร์ เพราะไม่มีเพื่อนไปด้วยจริงๆ แล้วนี่ก็เสี้ยนเที่ยวจริงๆ ก็แพลนทุกอย่างเอง จองทุกอย่างเองเป็นครั้งแรก (ปกติคือเกาะเพื่อนไง เพื่อนวางแพลนยังไงก็ตามไปอย่างเดียว มีหน้าที่โอนเงินให้เพื่อนเท่านั้น) และด้วยความที่ไปคนเดียวก็ต้องแพลนทุกอย่างให้มันโอเคที่สุด ซัพพอร์ตตัวเองให้ปลอดภัยที่สุด แต่เป็นทริปโหดมากเหมือนกัน เพราะเรามีงบประมาณน้อยมาก แต่ก็ตัดสินใจไปสเปนกับโปรตุเกส เทคนิคการเที่ยวคือ จองที่พักใกล้ๆที่เที่ยว ราคาโอเค นี่ไม่แคร์นอนรวมชายหญิงเท่าไหร่ เช็ควิธีเดินทางให้ชัวร์ แพลนให้ดีว่าต้องนอนสนามบินไหม แน่นอนว่านี่นอนสนามบินบ่อยจนชินไปแล้ว อยู่เหมือนบ้านได้เลยแหละ แล้วเราก็เช็คเลยว่า เราไปเที่ยวที่ไหนแบบไม่ต้องเสียตังได้บ้าง ใช้สิทธินักเรียนอายุไม่เกิน26 ให้คุ้มที่สุดเท่าที่จะคุ้มได้ แล้วเราก็อินมิวเซียมอยู่แล้ว เพราะงั้นเช็คตลอดอ่ะ มิวเซียมไหนฟรีก็ไปเลยครับ ประทับใจ ปีกัสโซ่มิวเซียมมากๆ ดีจริง แล้วก็ถ้าอยากอินกับเมืองก็แนะนำว่าให้ไป Free walking tour จะได้รู้ประวัติศาสตร์ต่างๆ หรือได้คำแนะนำที่เที่ยวใดๆ ร้านอาหารจากไกด์ท้องถิ่นได้ดีมากๆ และไกด์ก็คือละอ่อน ใส หล่อมาเลยก็มี สวยมากๆก็มี แล้วก็มีแวะไปอยู่เบอร์ลินซักสามสี่วันกับเพื่อนของเพื่อนที่ตอนนี้ก็กลายมาเป็นเพื่อนของเราจริงๆนั่นหละ มั่นแค่ไหน ทักไปหาว่าขอนอนด้วย ทั้งๆที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนอ่ะ แต่ยังไงก็ตามเราจะไปหาแกที่เบอร์ลินอีกกกก ฉันชอบมากกกกก และรอให้แกมาหาที่โคเปนฮาเกนอยู่นะ ใครมาเที่ยวโคเปนก็บอกได้เลยอ่ะ ยินดีพาเที่ยวสุดๆนะ

ถ้าจะบอกว่าปีนี้เที่ยวน้อยก็ต้องบอกว่าตัวเองตอแหลมาก แม้ในควอเตอร์แรกจะเที่ยวน้อยจริงๆ คือไปเวียนนาไปทำวีซ่า แล้วก็ย้ายมาเดนมาร์ก แค่นั้นจริงๆ แต่หลังจากซัมเมอร์นี่แหละครับ ไปสเปน โปรตุเกส เยอรมัน แล้วก็กลับไทยไปลั้นลาแค่เดือนนึง พอกลับมาเราก็ต้องไปซัมเมอร์สคูลที่ออสเตรีย และทางที่ถูกที่สุดคือ นั่งรถบัสอ้อมไปทางเช็ค ก็เลยแวะเที่ยวที่เช็ค เคยไปปรากมาแล้วเมื่อปีก่อน ก็เลยไปเมื่องในฝันของตัวเอง cesky krumlov แทน (แนะนำว่าไปกับแฟนเถอะนะ โคตรโรแมนติกจริงๆ) จากนั้นก็ไปออสเตรีย ไปพรีเซนส์ทีสิสของตัวเอง ใช้เวลากับเพื่อน ไปเจอประธานาธิบดีของออสเตรีย(กูยิ่งใหญ่มาจากไหนก็ไม่รู้ ถถ) แล้วก็ไปสโลวาเกีย ต่อด้วยฮังการี บูดาเปสคือที่สุด ถูก ดี อาหารอร่อย สามสี่วันก็คือไม่พอจริงๆ แล้วก็ได้ไปหาเพื่อนที่เบลเยี่ยม ก่อนจะไปฟินแลนด์ ไปหาซานต้าคลอส แล้วก็พยายามลุ้นว่าจะเจอแสงเหนือไหม แต่ก็ไม่สำเร็จ ไปต่อที่สวีเดน เดินเล่นในสต็อกโฮล์ม ที่มันดีมากเลยยยย แล้วก็ไปจบที่นั่งเรือไปใช้ชีวิตในออสโลว์แค่ห้าชม. นึกไปๆมาๆ นี่ก็ไปหลายที่จริงๆ

ในเรื่องสุขภาพ ความขี้เกียจนี่แม่งชนะทุกเรื่องจริงๆนะ กินข้าวยังขี้เกียจอ่ะ ไม่ต้องพูดถึงออกกำลังกายเลย พยายามไปว่ายน้ำบ้าง แต่มันก็ไม่สม่ำเสมอเท่าไหร่เลย อาทิตย์ครั้งหรือสองอาทิตย์ครั้งแค่นั้นเลย มีปัญหาเรื่องปวดหลังตอนที่ไปเที่ยวสเปนช่วงแรกๆ คือปวดเหมือนจะตายอ่ะ ปวดเหมือนตอนเราทำงานที่เก่าแล้วยกของบ่อยๆจนเดี้ยงไปช่วงนึงนั่นแหละ(นี่คิดนะ กูเป็นโรคเรื้อรังหรอเนี่ย) แต่ก็ผ่านมาได้ และมามีปัญหาเรื่องแพ้อาหาร ผื่นลมพิษคือขึ้นทั้งตัวอ่ะ คันคะเยอมากๆ เจออาหารทะเลที่สเปนเข้าไป หายไปซักพักละนะ อยู่ๆตอนนี้มันกลับมาอีกแล้ว ผิวแห้ง ลอก แตก คันๆ เหมือนผื่นจะขึ้นอีกแล้ว (ผื่นขึ้นข้ามปีหว่ะ) เป็นเรื่องน่ารำคาญมากๆเลยนะ เกี่ยวกับผิวแพ้ง่าย สำออยเหลือเกินของตัวเอง

เรื่องความรักที่ตอนนี้ทุกคนแม่งมากรอกหูอยู่นั่น ว่าเมื่อไหร่จะมีแฟน ไม่ว่าจะเพื่อนที่ไทยหรือเพื่อนที่นี่ ชอบมาถามว่า ชีวิตเป็นยังไงบ้าง พอเราตอบเรื่องอื่น มันก็จะวกมาว่า กูหมายถึงเรื่องความรัก... คือกูไม่มีไง!!! จะให้ตอบยังไงวะ เพื่อนที่นี่ถึงขั้นเรียกไปอบรมเรื่องนี้เลยทีเดียว หาว่ากูไม่เปิดใจมั่งหล่ะ ผลักไสผู้ชายมั่งหล่ะ อ่ะ เอาจริงๆนะ ความขี้เกียจอ่ะ ชนะทุกอย่างจริงๆนะเว้ย คือนี่เป็นคนขี้เกียจคุยอ่ะ คือถ้าเจอหน้ากันอย่างเงี้ย มันเลี่ยงไม่ได้ มันก็ต้องคุยใช่ป่ะ แต่ถ้ามาแบบคุยกันทาง text เงี้ย กูไม่ตอบก็ได้ไง ถ้าขี้เกียจอ่ะ นี่ก็ขี้เกียจคุย..ไง ไม่ได้มีความสามารถในการแอ๊วผช.ใดๆเลยเว้ย แล้วจากการพิจารณาตัวเองนะเว้ย คือเราเปิดใจนะเว้ย แต่กูเงื่อนไขเยอะไง ข้อหนึ่งคือ กูโง่ คือคนเข้ามาเนี่ยถ้าเข้ามาแบบดีๆเนี่ยส่วนมากเป็นเก้ง และกลายมาเป็นเพื่อนรักกันไง หรืออิพวกกำกวมเราก็ไม่อยากคิดอะไรเยอะไง และข้อสองกูขี้กลัว ถ้าเข้ามาแบบบุกหนักเกินไป ชวนไปห้องดึกๆอย่างเงี้ย กูก็ไม่ไปไง!! หรืออยู่ๆมาเดินตามก็ไม่โอเคป่ะวะ.. เพื่อนก็พยายามยุให้แอ๊วผู้ชายก่อนสิ เธอต้องรู้จักการสบตานะ เวลาสนใจใครเธอต้องสบตา บลาๆๆๆ แล้วนี่ก็เป็นอีกประเด็นนึงเว้ย คือนี่บ้าผช.นะ ชอบผช.หล่อเว้ย ผช.คนไหนหล่อ คนไหนดี เราก็บอกว่า เออ ดี น่ารัก หล่อ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราอยากเป็นแฟนเขาป่ะวะ ก็ได้รู้ตัวอีกอย่างว่า เราชอบคนยาก คือถ้าแค่ปลื้มๆเพราะหล่อ ใจดี อะไรแบบนี้ มันธรรมดาไง ก็ปลื้มๆไง แต่ไม่ได้ชอบแบบ ต้องบุกอ่ะ ไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรืออ่ะ และก็ไม่ค่อยชอบให้คนอื่นมาแตะตัวด้วยไง(แม้เราจะชอบแตะตัวคนอื่น ไม่แฟร์สินะ ฮ่าๆ) ผมก็ยังครองตนเป็นโสดต่อไปครับ อาเมน

อีกเรื่องที่เราต้องพูดถึงคือ งานอดิเรกใหม่ของตัวเองเว้ย นี่รู้ตัวว่าตัวเองวาดรูปไม่เก่ง เรื่องศิลปะคือโง่สัส แต่ปีนี้เราอยากเริ่มเล่นสีน้ำ แล้วก็เริ่มเล่นสีน้ำแบบค่อนข้างจริงจังประมาณนึง แต่ก็ยังต้องพยายามชนะความขี้เกียจของตัวเองให้มาเล่นสีน้ำให้มากขึ้น พอมาลองเล่นสีน้ำ ดูวีดีโอหาแรงบันดาลใจ ก็พบว่า เราก็ไม่ได้แย่เรื่องอาร์ตสักหน่อย เราทำได้นะเว้ย ก็สนุกกับตัวเองในด้านนี้มากขึ้น จะพยายามรังสรรค์ผลงานมาเรื่อยๆครับ

เราไม่อยากให้ผ่านปีนี้ไปเลย แม้จะไม่ใช่ปีที่โคตรจะดี แต่มันก็ไม่แย่ และเราก็รู้ว่าเราจะยังปลอดภัย มีที่ซุกหัวนอน มีเงินใช้ มีบ้านอยู่ มีที่เรียน แต่ปีหน้านี่สิ ไม่รู้เลยว่า ชีวิตจะเป็นยังไง จบสิ้นเดือนมกราจะมีที่ซุกหัวนอนไหม จะได้ไปฝึกงานรึเปล่า แล้วเรียนจบจะหางานทำได้หรือไม่ แค่คิดถึงอนาคตในปีข้างหน้า แม่งก็เครียดเหมือนกันนะ เรายังไม่พร้อมจะกลับไทยหลังเรียนจบหรอก เราอยากใช้ชีวิตที่นี่ไปซักพักก่อน แต่ชีวิตมันก็ต้องเดินต่อไปนี่หว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แล้วเราก็ต้องรอรับมือมันให้ได้ พยายามจะรับมือกับทุกสถานการณ์ให้ดีขึ้นในปีหน้าละกันนะ


31/12/2018
ขอให้ปีหน้า เป็นปีที่ดีละกันนะ :)


Read More

Share Tweet Pin It +1

0 Comments

In ๐ประสบการณ์๐ เขียนโปรแกรม ฟรีแลนซ์ รับงาน Freelance

Freelance 1st time: ประสบการณ์รับงานฟรีแลนซ์ครั้งแรก ก็เกือบจะฟรีแล้ว!!!



*บทความนี้เขียนไว้เพื่อเป็นประสบการณ์ของเรา และบทเรียนอะไรหลายๆอย่างในการรับงานฟรีแลนซ์เป็นครั้งแรก

Read More

Share Tweet Pin It +1

0 Comments

In ๐มีสาระ๐ ทุนอีราสมุส นักเรียนทุน ยุโรป วีซ่า สถานทูต ออสเตรีย Erasmus

Erasmus Mundus & I : มาเตรียมทำวีซ่าไปออสเตรีย(ที่ไม่มีจิงโจ้ และอยู่ในทวีปยุโรป)กันเถอะ!!



หลังจากได้ทุนไปเรียน ส่งเอกสารตอบรับทุนไปจนหมดสิ้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ เตรียมตัวขอวีซ่านั่นเอง เราไปประเทศออสเตรียก่อนเป็นประเทศแรก (ออสเตรียอยู่ข้างๆเยอรมัน มีเวียนนาเป็นเมืองหลวง อยู่ทวีปยุโรป โอเคนะจ๊ะ ไม่ใช่ออสเตรเลียเด้อ!! คือมีคนคิดว่าเราไปออสเตรเลียเยอะมาก จนแบบว่า กูยอมไปดูจิงโจ้ก็ได้อ่ะ = = ขี้เกียจอธิบายละ)

Read More

Share Tweet Pin It +1

0 Comments

In ๐ชีวิตในเยอรมนี๐ เบรเมน ฝึกงาน เยอรมัน หญิงไทยใจงาม bremen Germany internship

หญิงไทยใจงาม(มั้ง)ตะลุยแดนเบียร์ ep6:Thanks,supermarket ชีวิตนี้ดีได้เพราะซุปเปอร์!!




เรื่องของกินเราจะยังไม่จบง่ายๆ แน่นอนว่านอกจากอาหารในเมนซ่าแล้ว การใช้ชีวิตปกติของพวกเราก็คือการทำอาหารกินเอง ต้าผู้ซึ่งขยันในการเข้าครัวโคตรๆจะเป็นผู้คิดเมนู(ตัดภาพมาที่เราคือนอนโง่ๆบนเตียง หาของไร้ประโยชน์กินไปนานแล้ว) และก็มีการแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตกันทุกเย็นหลังเลิกงาน ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เมืองเบรเมนเท่าที่เห็นว่ามีเยอะมากๆมีอยู่ 2 เจ้า คือ Penny กับ Rewe ขนาดใหญ่เล็กก็ปะปนกันไป แอบเห็น Lidl บ้างแค่ที่สองที่เอง(ค่อนข้างร้างด้วย) แต่ถ้าเป็น Penny กับ Rewe นี่เยอะกว่ามาก

Read More

Share Tweet Pin It +1

0 Comments

In ๐ทริปท่องเที่ยว๐ เกาะเต่า เที่ยวไทย พะงัน ฟูลมูนปาร์ตี้ ฺFull moon pubcrawl scuba

หญิงไทยใจงาม(มั้ง) ตะลุยเกาะปาร์ตี้ : ฟูลมูนปาร์ตี้ที่พะงัน scuba diving และ pub crawl ที่เกาะเต่า



0

ทริปนี้เป็นการทำตามความฝันหนึ่งในชีวิตของผู้ที่ชื่นชอบปาร์ตี้ นั่นก็คือ ไปฟูลมูนปาร์ตี้ที่เกาะพะงัน มั่นใจว่าใครหลายคนก็คงอยากจะไปเหมือนกัน มาดูสไตล์เราชาวหญิงไทยใจงามดีกว่า ว่าจะงามหน้าซักเพียงใด เอ๊ะ??

Read More

Share Tweet Pin It +1

0 Comments

In ๐หนังสือ๐ ดาวหางเหนือทางรถไฟ ทรงกลด ทรานส์ไซบีเรีย

ดาวหางเหนือทางรถไฟ : การเดินทางกับเส้นทางรถไฟทรานส์ไซบีเรีย


#ปฏิบัติการย่อยหนังสือดอง #เล่มที่4

ดาวหางเหนือทางรถไฟ

นี่เป็นหนังสือบันทึกการเดินทาง ไม่ใช่ไกด์บุ๊ค เราอาจจะตามรอยการเดินทางได้ แต่ไม่มีทางเจอสถานการณ์เดียวกันกับในหนังสือได้เลย และถ้าอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ก็คงคิดได้แค่ว่า...อย่าไปเจอเหตุการณ์เดียวกับในหนังสือเลยแก

Read More

Share Tweet Pin It +1

0 Comments