0
ทริปนี้เป็นการทำตามความฝันหนึ่งในชีวิตของผู้ที่ชื่นชอบปาร์ตี้ นั่นก็คือ ไปฟูลมูนปาร์ตี้ที่เกาะพะงัน มั่นใจว่าใครหลายคนก็คงอยากจะไปเหมือนกัน มาดูสไตล์เราชาวหญิงไทยใจงามดีกว่า ว่าจะงามหน้าซักเพียงใด เอ๊ะ??
เนื่องจากทริปที่แล้วได้ไปเหยียบงาน half moon party มา ก็รุ้สึกว่า เราควรมาลองฟูลมูนสิ นี่มันออริจินัลเลยนะ โอเค จิ้มวัน พยายามชวนเพื่อนๆ สิริรวมสมาชิกนับแล้วนับอีก สองคนเหงาๆ นี่แม่งหนังหว่องชัดๆ เพื่อเป็นการมัดมือชกเพื่อนรักหักสวาทน้องหลีคนดีคนเดิม จองตั๋วขากลับและโฮสเทลไปเลย!!! ขาไปกะว่าจะเดินทางด้วยวิธีอื่นแทน แต่ไปๆมาๆ มาๆไปๆ เฮ้ยยย สมาชิกงอกหว่ะ น้องต้าผู้ฝ่าฟันกับป.โท มีความอยากปลดปล่อย เลยกลายเป็นดรีมทีม หญิงไทยใจงาม ขึ้นมาซะอย่างนั้น!! แม้นางจะต้องขอกลับก่อนเพราะไม่สามารถลางานได้ก็ตาม
ตัดสินใจกันเป็นอย่างดี เราจะนั่งรถทัวร์จากข้าวสารของลมพระยาไปเลยยาวๆ สบายๆไม่ต้องกังวลใดๆ ครั้งนี้อยากสบายๆ ชิวๆ ไม่ลำบาก แต่ผลปรากฎว่า...
"อ๋อน้อง เต็มหมดแล้วค่ะ" ห๊ะ!! หมดแล้ว เฮ้ย!!! รอบที่แล้วจะมาจองพี่แกบอกว่า ไว้ใกล้ๆค่อยมาจองก็ได้.. แล้วนี่อะไร?? ชะตาชีวิตยากละ
"งั้นพี่ช่วยดูรถไฟนอนให้หน่อยได้ไหมคะ"
"เต็มแล้วเหมือนกันค่ะ"
"..."
"..."
"งั้น...เอ่อ..รถไฟนั่งหล่ะคะพี่" ขวับ!!! พี่พนักงานและตัวอิฉันเองถึงกับหันไปมองอิคุณเพื่อนอย่างฉับพลัน
"น้องคะ มันนานนะ เอาจริงหรอ??"
"เอามาค่ะพี่" เพื่อความประหยัดและทำตามฝัน เอาวะ!! กดสายไปหาต้าเพื่อบอกข่าวร้ายนี้ในทันที
"มึง..พร้อมจะลำบากไปกับกูไหม" ต้าตอบกลับมาเพียงสั้นๆแต่ได้ใจความว่า "สัด!!!"
1
เนื่องจากมีประสบการณ์ขึ้นรถไฟมาแล้ว ครั้งนี้ก็เลยรู้สึกชิวหน่อยๆ พอจะรู้ว่าต้องไปขึ้นรถไฟที่ชานชาลาไหน อย่างไร เวลาประมาณเท่าไหร่ ชาวเรานี้ไปขึ้นรถไฟกันที่บางซื่อ ตุนสเบียง อุปกรณ์ทำความเย็น(ขอให้มีเถอะครับ ผ้าเย็นนี่คือสิ่งสำคัญเลย) เพราะเราไปรถไฟชั้นสาม ประหยัดงบได้เยอะ แต่แลกมากับความทุกข์ทรมานทางร่างกายอย่างแสนสาหัส!! นอนไม่ลง ขยับร่างไม่ได้ รูหายใจแทบไม่มี นึกว่าตัวเองเป็นอัมพาต ยิ่งนั่งข้างฝรั่งนะ อือหืออึดอัดเชี่ยๆ(สงสารต้ามา ณ จุดนี้ด้วย) เอาเป็นว่าใครอยากสบาย รถไฟนอนเถอะ อันนี้คอนเฟิร์มเลยว่าดีจริงๆ หลับยาว เช้าถึง ไม่เมื่อยก้น และฝรั่งบนรถไฟงานดีมากถึงมากที่สุด ซึ่งก็จะเป็นรอบเดียวกับรถไฟชั้นประหยัดนั่นแหละนะจ๊ะ แต่แค่แยกโบกี้แบ่งชนชั้นเท่านั้นเอง ส่วนใครสะดวกเครื่องบินก็โอเคเลย เดินทางอย่างรวดเร็ว เพียงอึดใจก็ถึงสุราษฎร์ธานีแล้ว
ในส่วนของเรือนั้น มีหลายเจ้า หลายเครือมากมาย ทั้งจองล่วงหน้าได้ หรือไปจองหน้างานเอา ใครอยากประหยัดงบแนะนำว่าไปหาเอาดาบหน้าเลย ได้เรือถูกกว่าจองไปอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เรือที่จองล่วงหน้าได้ก็จะมีของลมพระยาเป็นเรือเร็วเฟี้ยวฟ้าว เรียกได้ว่าเร็วสุด และแพงสุดด้วย หรืออีกเจ้าที่เราเคยขึ้นคือของราชาเฟอร์รี่ ก็จะสโลว์ไลฟ์หน่อย ขึ้นเรือใหญ่กินลมชมวิวไปค่ะ เอาเป็นว่าตามแต่สะดวกและความสบายอกสบายใจ ก็ถ้าจองไว้เนี่ยเราก็มีรถมารอรับเลยที่สถานีรถไฟ แค่เดินไปรายงานตัว ยื่นตั๋วไปให้เค้า รับสติ๊กเกอร์มาแปะตัวไว้ แล้วจะไปกินข้าว กินน้ำรอรถออกยังไงก็ตามแต่สบายใจเลย หรือในกรณีที่ไม่ได้จองอะไรไว้เลย ที่สถานีรถไฟก็จะเต็มแน่นไปด้วยการให้บริการเรือหลายเจ้ามาก ชอปปิ้งตามใจปรารถนาเลยข่าาาา
แน่นอนว่าในครั้งนี้เราต้องการความสบายอย่างสูงสุดเลยจองล่วงหน้ากันมา เพราะฉะนั้นลงรถไฟมาก็แวะห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันกันให้สาสมกับที่ขลุกตัวบนรถไฟตั้งแต่ทุ่มนึงยันเจ็ดโมงเช้าแบบหลังตรงไม่โค้งงอ แม้จะล้างหน้าแล้วพวกเราก็ยังสะโหลสะเหลกันอยู่ดี เดินไปรายงานตัวเอาสติ๊กเกอร์แปะร่างรอขึ้นรถบัสไปท่าเรือ ในจังหวะที่จะเดินไปขึ้นรถทัวร์นั้น..
"รถเต็มแล้วน้องไปรอขึ้นรถตู้ข้างหน้าเลย" พี่แกพูดพลางชี้นิ้วไปที่รถตู้ที่จอดอยู่ด้านหน้า ตอนนี้รถไรก็ได้พี่ ขอมีให้ทิ้งหัวหลับหน่อย เราก็เดินไปพร้อมๆกับฝรั่งทั้งชายหญิงเพื่อไปขึ้นรถตู้ ขณะต่อแถวจะขึ้นรถตู้นั้นเอง อิแก๊งผู้ชายมันเดินนำไปก่อนแต่..
"เลดี้เฟิร์สเลยครับ ขึ้นก่อนเลย" แก๊งฝรั่งชายก็หันมาบอกกับ... ไม่ใช่พวกกูข่าา แก๊งฝรั่งสาวสวยที่เดินตามหลังพวกมันมานั่นแหละ ก็ไม่ได้ติดใจอะไร นอกจากว่า พอแก๊งสาวๆเดินขึ้นไปแล้ว พวกมันก็เดินแซงหน้าพวกกูขึ้นรถไปเลยค่ะ เฮ้ย!! พวกกูก็ผู้หญิงนะเว้ย แค่ไม่สวยเอง!!!
แต่จังหวะนี้พวกเราที่โคตรจะเหนื่อยล้าจากการนั่งรถไฟก็ทิ้งตัวหลับบนรถตู้ทันทีเลยค่ะ โดยมีแก๊งฝรั่งสาวสวยด้านหลังหัวเราคิกคักๆกันตลอดเวลา จนเรารู้สึกว่า นี่พวกมึงนินทากุป่ะเนี่ย แกล้งไรกูป่ะวะ ซึ่งอิคนระแวงก็มีฉันคนเดียวนี่แหละ อิเพื่อนทั้งสองหลับเป็นตายไปเรียบร้อย ง่วงก็ง่วงยังต้องมาอยู่กับฝรั่งที่ไม่น่าไว้วางใจอีกหรอวะเนี่ย แถมอิแก๊งผู้ชายหลังรถแม่งก็เริ่มพูดเสียงดังละ ลอยมากระแทกหู 1 ประโยคคำถาม คือ
"หลับหรือตายวะ" แม่งด่าพวกกูสินะ แต่ไม่อยากหันไปด่ากลับ กลัวมันจะหาว่าร้อนตัว แค่นี้ก็หัวร้อนพออยู่ละ ลงรถไปกูกะพวกมึงอย่าได้มาใกล้กันอีกเลยนะ!! แน่นอนว่าพอลงรถยืนรอเรือ ก็พยายามหลีกหนีพวกมันไว้จนขึ้นเรือก็รอให้พวกแม่งนั่งกันก่อนละเราค่อยไปจื้มที่นั่งที่ไกลๆมันหน่อย แต่พอหันไปมองอีกที เอ้า!! อิห่า นั่งห่างจากกูแค่นิดเดียว พวกมึงจะย้ายมาทำม๊ายยยย !! แต่ช่างมันค่ะ ตอนนี้เราต้องนอนเพื่อออมแรงสำหรับคืนนี้!! สลบคอพับ ถึงเกาะแบบไม่รู้ตัวเลยฮะ
2
พอลงเรือเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินไปตามหาร้านเช่ามอเตอร์ไซกันทันที เพราะที่พักที่นี่พวกเราเคยมาพักแล้วหนึ่งครั้ง เพราะฉะนั้นเส้นทางคุ้นเคย ไม่ต้องให้ใครมารับ ไปเองได้จ้า หลังจากเดินหาร้านเช่ามอเตอร์ไซเรียบร้อยก็ขับมุ่งหน้าไปที่พักที่เราจองไว้ ที่พักที่เป็นสไตล์ของพวกเราก็ต้องเป็น hostel สิครับ
ถ้าถามว่า hostel คืออะไร ก็ต้องบอกว่ามันคือห้องพักที่ขายเป็นเตียง ไม่ได้ขายเป็นห้อง มีทั้งแยกชายหญิง หรือจะนอนเป็นห้องรวมก็ได้ ราคาก็จะปรับเปลี่ยนไปตามความเรื่องมากของเราเอง ส่วนตัวมากก็แพงมากเท่านั้นเอง ด้วยความงบน้อย และขี้งกของพวกเรา แน่นอนว่าพวกเราเลือกแบบนอนรวมค่ะ ไม่ได้แคร์เรื่องนอนรวมหญิงชายมากนัก เพราะมั่นใจว่ายังไงเค้าก็ไม่ทำอะไรพวกเราแน่นอนอยู่แล้ว มีหน้าตาเป็นอาวุธซะขนาดนี้แล้ว พอไปถึงที่ hostel พี่แกดันบอกว่า ที่จองมาในเว็บมันไม่ขึ้นนะ อ้าวววว!! แล้วพวกหนูจะมีที่นอนไหมพี่
"น้องจะไหวไหมถ้านอนห้องนอนรวม"
"ไหวสิพี่.. ก็จองห้องรวมมา"
"เอ่อ..แต่ว่า ห้องนั้นมีผู้ชายนอนอยู่แล้ว 6 คนเลยนะ น้องจะเป็นแค่ผู้หญิงเพียง 3 คนในห้องนะ โอเคหรอ?"
"โอเคอยู่แล้วพี่ สบายยย ไม่มีอะไรหรอก" น้องต้ารีบตอบอย่างทันควัน
"งั้นเดี๋ยวพี่ให้น้องคนนี้พาไปที่ห้องนะ ถ้ามีปัญหาอะไร หรือเกิดอะไรขึ้น บอกพี่เลยนะ" ตอนแรกก็ไม่กลัวนะ พอพี่ทักมาแบบนี้ อิน้องก็ใจบ่ดีเน้อ อย่างมากมันก็คงหิ้วสาวมาป้าบๆๆ อ่ะแหละ
วินาทีแรกที่เปิดเข้าไปในห้อง กลิ่นอับโคตรๆก็ปะทะหน้ามาเต็มๆ เชี่ยยยย!! นี่ไม่มีรูระบายอากาศเน่าออกไป เอาอากาศบริสุทธิ์เข้ามาหรอว้า ชะงักแรกผ่านไป ชะงักสองคือ ผู้บ่าวตาฟ้าทั้งห้อง(ที่มันยังไม่หลับ) หันมามองพวกเราเป็นตาเดียว ทำเอาประหม่าแบบสุดฤทธิ์ ทำไมต้องมองแรงกันเบอร์นั้น เราทำตัวไม่ถูกนะเฟ้ย ไหนจะแอร์ที่ไม่ได้รู้สึกว่ามันเย็นซักกะนิดเดียว เห่ลโหลลล มึงเป็นแอร์หรือฮีตเตอร์ ก็เลยพอจะเข้าใจว่าทำไมเหล่าผู้บ่าว มันต้องถอดเสื้อ เหลือบ๊อกเซอร์ตัวเดียวกันทุกคน... ทำเอาไอ้ที่ใจกล้าหน้าด้านตั้งแต่ต้น เริ่มฝ่อห่อเหี่ยว เริ่มกลัวเบาๆ เริ่มทำใจนอนรวมห้องกับไอ้พวกนี้ไม่ได้ พวกมึงหน้าตาดีเกินไป หุ่นดีเกินไป จ้องพวกกูแรงไป เดี๋ยวอดใจไม่ไหวปล้ำพวกมึงขึ้นมา กูรับผิดชอบไม่ไหวโฟ้ยย ย้ายห้อง!! (จริงๆแล้วไอ้ต้ามันร้อนเลยไปแจ้งพี่เค้าว่าแอร์ไม่เย็น โดนย้ายห้องเลย เสียดายจังค่ะซิส)
มาห้องใหม่โดยที่พี่เค้าแจ้งมาว่า มีฝรั่งมานอนอยู่แล้วคนนึงนะ เราก็โอเคแหละนะ ไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้น แต่พอจะเปิดเข้าห้องไปนี่สิ
กึก!! กึก!! กึก!!
ประตูเปิดไม่ออกครับ ชะนีสามตัวพยายามเปิดประตูแตไม่สำเร็จ ... อิข้างในมันล็อกใช่ไหมมม หลังจากพยายามกันอยุ่ซักแปป ไอ้หนุ่มข้างในก็เหมือนจะทนไม่ไหว เดินมาเปิดประตูให้ สรุปว่าไม่ได้ล็อกค่ะ ประตูเปิดยาก!! เราก็ดูเป็นชะนีอ่อนแอขึ้นมาเลย เข้าออกทีดึงประตูไม่ไปต้องให้ผู้ชายมาช่วย ดูอ่อยไปอีกกก แต่เข้าออกซักสามสี่ครั้งก็จับจังหวะเปิดเองได้แล้วหล่ะน่า เราไม่ได้อ่อยเธอนะ แม้ว่าเธอจะน่ารักก็ตาม หนุ่มน้อยที่พักกับเรานั้นเป็นหนุ่มน้อยชาวเยอรมันที่พลัดพรากจากเพื่อน พูดง่ายๆว่าเพื่อนมันทิ้งให้มานอน hostel นี้คนเดียวนั่นแหละ ก็พูดคุยนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ ก็ไปอาบน้ำให้ตัวสะอาดเถอะ หมักหมมมาเกิน 24 ชม.แล้ว แต่ปัญหาที่เราพบอีกรอบก็คือ... น้ำไหลเป็นเยี่ยวมด จนนึกกลัวว่า.. อาบๆอยู่ น้ำจะหมดก่อนล้างตัวไหม ไม่ไหวนะโว้ยยย และไอ้ที่หวังเอาไว้ว่า แอร์ในห้องจะต้องเย็นฉ่ำ.. แต่เปล่าเลย การย้ายห้องไม่มีผล ร้อนเหมือนเดิม แอร์ไม่เย็นเหมือนเดิม แต่ห้องนี้อากาศถ่ายเทกว่าห้องที่แล้วเยอะเลยหล่ะ อาจจะเพราะว่ามีแค่ 6 เตียงหล่ะมั้ง พออาบน้ำเสร็จ อะไรเสร็จ พ่อหนุ่มเยอรมันก็อันตรธานหายไปแล้ว สงสัยจะออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ห้องนี้จึงกลายเป็นของเราโดยสมบูรณ์ แต่อย่าลืมนะครับว่ายังมีเตียงว่างอีกสองเตียง...
3
ในค่ำคืนก่อนฟูลมูนแบบนี้ ก็ต้องมีคนมานอนด้วย ก็เป็นหนุ่มสาวฝรั่งซึ่งเราก็ทักทายกันนิดหน่อย ไม่มีการถามข้อมูลซึ่งกันและกันใดๆทั้งสิ้น รอบนี้ไม่มีอารมณ์จะมาอัธยาศัยดี ชวนคุยอะไรทั้งนั้นแหละ พอตกดึกเราก็ออกไปนั่งเล่นกันด้านหน้าที่มี pool แต่ไม่มีใครกล้าเล่น เพราะมันดูโสโครกมากๆ น้ำดำตราเสือดาวยังดำสู้ไม่ได้เลย แต่ฝรั่งส่วนใหญ่ก็ออกเดินทางไปอัมสเตอร์ดัมบาร์กันนานแล้ว แต่ไอ้พวกเราก็เฉยๆ นั่งกินที่โฮสเทลนี่แหละ อุตส่าห์พกส่วนตัวมา โดยที่ไอ้โต๊ะข้างหลังก็เป็นหนุ่มน้อยเยอรมันที่นอนห้องเดียวกันนี่แหละ ก็มีคุยกันบ้างว่า จะไปปาร์ตี้คืนนี้ด้วยกันไหม จะได้นั่งรถไปด้วยกันเลย แต่ก็ไม่ได้ไปด้วยกันนะ
ต้องขอไม่ระบุละกันนะว่าโฮสเทลที่ไปพักคือที่ไหน เพราะไม่แนะนำให้ไป แม้ตอนนี้เขาก็อาจจะพัฒนาไปอีกขั้นแล้วก็ได้ เพราะไปแต่ละรอบคุณภาพเหวี่ยงมาก แล้วแต่ว่าใครมาดูแลในช่วงนั้นๆ แต่ถ้าใครสนใจอยากจะมา Full moon สะดวกๆ ไม่ต้องเดินทาง นอนแถวๆหาดริ้นเลย เพราะไม่งั้นก็ต้องเสียค่าแท๊กซี่คนละร้อย(คิดเป็นรายคนด้วยนะ) หรือถ้าอยากเปรี้ยวขับมอเตอร์ไซด์ เตรียมใจกับทางชันแทบจะ 90 องศาไว้เลย ชันไม่พอ โค้งด้วยนะจ๊ะ โอโหววว แค่เห็นก็ไม่อยากแม้แต่จะเดินเลย ต้านแรงโน้มถ่วงเกินไป แล้วก็อันตรายมากๆด้วย เพราะฉะนั้นไม่แนะนำในส่วนของมอเตอร์ไซด์นะ เชื่อพี่สิคะ พี่เจอมาแล้วเพราะรถล้มไปหนึ่งดอกเบาๆ ของเพื่อนหลีที่นางขาไม่ถึง รถเลยเอนล้มมาแบบนิ่มๆ เรียกง่ายๆว่า”ล้มโง่” ไหนจะจังหวะเจอทางชัน ถึงกับต้องเดินลงหิ้วหมวกกันน็อคเดินแทนขับมอเตอร์ไซด์เลย
4
ส่วนของกิจกรรมที่มีในเกาะ เกาะพะงันไม่ได้มีดีแค่ฟูลมูนนะจ๊ะ เกาะนี้ยังมีน้ำตก หาดเยอะมาก มีทะเลแหวก และวิวพระอาทิตย์ตกสวยๆให้ดูกันเยอะมาก คนส่วนใหญ่แนะนำให้ไป Amsterdam bar เพราะวิวจะสวยมาก ให้คนต่างชาติเข้า คนไทยก็แอ๊บพูดอังกฤษเข้าไปละกัน แปลงร่างเป็นเกาหลีก็ได้ ใช้สกิลจากซีรี่ย์ที่ดูมาซะ 5555 แต่เราไม่ได้ไป รู้แต่ว่าพวกฝ.ที่โฮสเทลไปกันหมดเลย หรือจะไปพายเรือคายัคอันนี้ก็แนะนำนะ ชั่วโมงละร้อยเอง แต่เราไม่ได้ไปเพราะวันที่จะไปเล่นฝนตก พายุเข้า ไม่กล้าเสี่ยงจริงๆ หรือจะในส่วนของ slip'n fly ควรไปมากๆ นี่อยากไปมาก แต่อะไรคะ สามคนที่ไปด้วยกันดันแดงเดือดพร้อมกันอีก ซวยอะไรจะปานนั้น
เราก็ไปดูพระอาทิตย์ตกกันที่มุมเดิมที่เราเคยมาเมื่อครั้งที่แล้ว เพราะวิวตรงนี้สวยมากจริงๆ ถนนไม่เหี้ยด้วย ขับมอไซมาได้ง่ายๆเลย ก็มาเดินเล่นกันนี่แหละ รอพระอาทิตย์ตกไปเรื่อยๆ ท้องฟ้าที่มันกว้างใหญ่แบบนี้ทำให้เราเห็นเลยว่า ในขณะที่พระอาทิตย์ด้านหน้ากำลังตก ถ้าเราหันหลังไปเราจะเห็นพระจันทร์กำลังขึ้นมา โดยที่รอบกายเราคือทะเลอันกว้างใหญ่ มหาศาล นี่เป็นสิ่งที่มันตราตรึงมากเลยนะ ธรรมชาติมันสวยงามจริงๆแฮะ ทั้งๆที่มันก็เป็นปกติแบบนี้ทุกวันแท้ๆเราแค่ไม่เคยสนใจเก็บรายละเอียด และมีเวลามาจ้องมองมันแบบนี้เท่านั้นเอง
ต้องขอให้ข้อมูลซะหน่อยว่าวันก่อน full moon จะมีจัดงาน jungle experience party จัดบริเวณใกล้ๆกับบริเวณที่จัด half moon party เลย ซึ่งใกล้กับที่พักเราค่อนข้างมาก(แถวๆบ้านใต้ โหลดแมพของเกาะพะงันมาดูได้เลย มีระบุไว้อย่างชัดเจนว่าปาร์ตี้ไหนจัดตรงไหนบ้าง) ราคาบัตร 600 ค่าเข้าห้องน้ำอีกครั้งละ 10 บาท ไหนจะค่าเบียร์(แต่ถ้าเป็น half moon party ค่าบัตรหนึ่งพัน ห้องน้ำฟรี มีดริ้งให้สองดริ้ง) แต่ด้วยความสวยอีกแล้วเกือบได้บัตรเข้างานฟรีละค่ะ แต่ซื้อแล้วไง จบเลย แต่ดีละหล่ะ ที่ซื้อบัตรเอง การได้ของฟรีจะทำให้เราระแวงเปล่าๆ
ต้องขอให้ข้อมูลซะหน่อยว่าวันก่อน full moon จะมีจัดงาน jungle experience party จัดบริเวณใกล้ๆกับบริเวณที่จัด half moon party เลย ซึ่งใกล้กับที่พักเราค่อนข้างมาก(แถวๆบ้านใต้ โหลดแมพของเกาะพะงันมาดูได้เลย มีระบุไว้อย่างชัดเจนว่าปาร์ตี้ไหนจัดตรงไหนบ้าง) ราคาบัตร 600 ค่าเข้าห้องน้ำอีกครั้งละ 10 บาท ไหนจะค่าเบียร์(แต่ถ้าเป็น half moon party ค่าบัตรหนึ่งพัน ห้องน้ำฟรี มีดริ้งให้สองดริ้ง) แต่ด้วยความสวยอีกแล้วเกือบได้บัตรเข้างานฟรีละค่ะ แต่ซื้อแล้วไง จบเลย แต่ดีละหล่ะ ที่ซื้อบัตรเอง การได้ของฟรีจะทำให้เราระแวงเปล่าๆ
วันที่ไปเป็นวันพระใหญ่เพราะงั้นงาน jungle experience party เลยเริ่มตอนเที่ยงคืนหนึ่งนาที เพลงเริ่มมา กระบองไฟเริ่มควง เพนท์ตัวก็มีโซนให้เข้าไปจ่ายตังเพนท์ได้เลย แต่เราไม่เพนท์ เปลือง!! ก็เข้าไปเต้นๆ แลกดริ้งค์กันไป แต่ขอเตือนว่าอย่าแต่งตัวแปลกเกินไป เพราะพวกเราแต่งธีมร๊อคค่ะ ชุดดำปากน้ำตาลมาเลย เป็นไงหล่ะ นกยกฝูงเลยค่ะ เลิกค่ะ ห้ามแต่งตัวแปลกนะ
ที่มาคุยด้วยก็เด็ดมากค่ะ อาทิเช่น ขณะที่ต้าต่อแถวซื้อเบียร์อยู่ได้คุยกับฝ.คุยไปคุยมา ผู้ชายบอกว่า “เราเป็นพ่อค้ารายใหญ่อยู่ที่อัมสเตอร์ดัม ขายโคเคนอยู่ รายได้ดีมาก” หืมมมมม ยังไงหล่ะ นี่ต้องแจ้งตำรวจมาจับแกไหมอ่ะ???ยังไม่จบจ้าาา เจอแก๊งตุ๊ดแก๊งนึงคนไทยนี่แหละ คุยกับฝรั่งอยู่คนนึงละก็กระซิบพวกเราว่า “บอกมันว่าตลกแดก=handsome” เพราะมันหลอกกินเหล้าถังพี่เค้าหมดเลย 5555 เราก็เล่นด้วย ซึ่งฝรั่งมันก็เชื่อลากเพื่อนมาตลกแดกเต็มไปหมดเลย แถมพี่ตุ๊ดแก๊งนั้นก็พยายามจะคว้ามือพวกเราไปจับของสงวนของฝรั่งอีก เบรกแทบไม่ทัน เดี๋ยวก่อนพี่!! ไม่ไหวจริงๆ อย่าไปเบอร์นั้น สงสารแก๊งตลกแดกเหมือนกันนะโดนแก๊งตุ๊ดจับจนบวมละมั้ง อยู่กันจนรู้สึกง่วง ก็กลับโฮสเทลไปนอนเถอะ..
5
ตอนเช้าของวันถัดมา เราไม่สามารถที่จะนอนกันต่อได้แบบสบายเลย คือแอร์แม่งร้อนมาก เราต้องหาอะไรทำแล้วหล่ะ เราไม่สามารถขลุกตัวอยู่ให้องนอนนี้ต่อไปได้นานแน่ๆ หันไปก็เห็นหนุ่มน้อยเยอรมันนอนตายอยู่เช่นกัน มึงนอนได้ไงอ่ะ... พอนางตื่นมาก็ไม่ได้คุยอะไรกันนะ ไม่ทักกันด้วย จนไอ้หลีบอก "เมื่อคืนมึงยังคุยกันแบบสนิทอยู่เลยนะ แล้วนี่อะไร ไม่รู้จักกันละ??" กูคิดว่าคงคุยกันแต่ตอนเมาๆแหละมึง คือกูก็ขี้เกียจจะเฟรนลี่ละ กูเหนื่อย ฮ่าๆๆๆ
ความเซ็งอีกอย่างของห้องนี้คือ มีกลิ่นเหม็นตุ่ยๆให้ได้กลิ่นตลอด จนเรางงมากว่ากลิ่นมาจากไหน พอเดินผ่านเตียงไอ้ต้าปั๊บ รู้สึกเลยว่ากลิ่นแรงมาก ก็เลยหันไปที่เตียงมัน สิ่งที่เห็นคือฝรั่งเตียงบนมันตากบอกเซอร์มันไว้ที่เตียงข้างบน แล้วมันแขวนแบบเหวี่ยงมาไว้ด้านข้าง แล้วคือ ชัดละ.. กลิ่นมาจากอิกางเกงนี้นี่เอง สาสสส แล้วหันไปคือกางเกงใกล้หน้าตูมาก สะดุ้งถอยแทบไม่ทัน ถ้าจะกลิ่นแรงเบอร์นี้ เอาไปซักเถอะพ่อคุณ ฉันต้องออกไปจากห้องนี้แล้วหล่ะวันนี้ ไม่ไหวละเด้อ
รอบนี้เรากินประหยัดกันมาก และกินข้าววันละมื้อเองมั้ง คือไม่ได้อยากจะกินมื้อเดียวหรอนะ แต่เวลาตื่น เวลานอนมันบังคับที่สุดท้ายก็จะเหลือแค่มื้อเดียว แนะนำว่าถ้าอยากกินถูกๆก็เข้าไปที่ตลาดพันทิพย์เลย มีตลาด ร้านขายข้าวแกงปักษ์ใต้ซึ่งกินทุกรอบที่ไปเลย ร้านขายอาหารฝรั่ง(แต่ต้องดูนิดนึง บางร้านแม่งก็ไม่อร่อย) ของในเซเว่นก็แพงกว่าปกติบวกไปหลายบาทอยู่ แต่ก็รับได้นะ
กิจกรรมของวันนี้นั้นก็เลยสิ้นคิดมาก เพราะขับมอเตอร์ไซด์ไปเรื่อยๆ จนไปเจอร้านนวด ก็ตัดสินใจตอนนั้นแหละ นวมไหมมึง.. ไปนอนนวดแผนไทยชั่วโมงนึง คนนวดถึงกับถามว่า “ไปทำอะไรกันมาหลังแข็งไหล่แข็งกันทุกคนเลย ปาร์ตี้หนักใช่ไหม” หันไปตอบเลยว่า “น่าจะเพราะรถไฟชั้นสามค่ะ ปวดมากจริงๆ” กะว่าจะหนีห้องพักร้อนๆไปนอนร้านนวด หลับไม่ลงอีก ป้าดัดหลังดัดขา ดัดตัวซะ นอนไม่ได้ ก็เลย.. นอนอาบแดดที่ที่พัก เพราะมีแดดก็จริงแต่ลมเย็นมาก ถือซะว่าทำผิวแทน แต่...ต้าค่ะนางกลัวแดด นางก็สร้างศาลกลางโฮสเทลด้วยการเอาเก้าอี้มาวางขนาบข้างแล้วเอาผ้าคลุม จากนั้นนางก็เข้าไปนอนในนั้น ฝรั่งก็มอง คงงงว่ามันทำอะไร ฮาจริงอะไรจริง และนางยังไม่จบความฮาไว้แค่นั้น แว้นมอไซอยู่ คันหน้าแผ่นหลังดีมาก หลังตัววีมาเลย แล้วไงคะ เพื่อนชั้นแว้นตามไปแบบตามติด จนหลีที่ขับตามมาหัวเราะลั่นอ่ะ อะไรมันจะหื่นเบอร์นั้นวะ แต่หลังน่าซบจริง คอนเฟิร์ม!!!
6
มาถึงช่วง pre fullmoon นะฮะ ทุกคนต้องเบิร์นกันก่อนไปฮะ จังหวะนั้นพวกเราก็อยู่ๆไปรู้จักกับคนที่น่าจะเป็นแม่ครัวที่โฮสเทลมั้ง โอโหวว แก่แต่แซ่บบอกเลย ก็คุยๆกันป้าแกก็ให้พวกเราเรียกว่าแม่ เพราะขุ่นแม่นางมีลูกชายสามคนพอดี อยากได้เราไปเป็นลูกสะใภ้ ก็แล้วแต่ เราก็เล่นด้วย นอกจากมีขุ่นแม่แล้ว มีขุ่นพี่ที่เป็นน้องสาวขุ่นแม่อีกค่ะ คืองงมากว่าอยู่ๆก็ไปรู้จัก อยู่ๆก็ไปสนิทได้ยังไง นี่สับสนงงไปหมด
พวกเราค่อนข้างพลาดมากเลย จริงๆแล้วช่วงเวลาที่ควรออกไปปาร์ตี้คือช่วงสี่ทุ่มเว้ย ไปบิ๊วมันตั้งแต่ตอนนั้นแหละ แต่คือพวกเราออกกันซะเที่ยงคืน เพราะโดนแก๊งขุ่นแม่กักตัวไว้นั่นแหละ ไหนไอ้ต้าจะโชว์สกิลศิลปะด้วยการเพนท์ตัวให้ชาวบ้านชาวช่องเขาไปทั่ว...ไอ้หลีก็เช่นกัน แอบเม้าท์ว่ามันโดนฝรั่งแอ๊วซะเขินเลยนะ มีการให้สอนภาษาไทย คำโน้นคำนี้ แล้วฝรั่งก็พูดภาษาไทยมาว่า "หลีน่ารัก" ตัวเรานั่งฟังอยู่คือเขินแทนเพื่อนไปสิบตลบ กรี๊ดดดดด
หลังจากเสียเวลากับการบรรเลงผลงานศิลปะของเพื่อนไปแล้ว เราก็พากันไปงานฟูลมูนกับแก๊งขุ่นแม่ด้วยค่ะ พอไปถึงงานต้าปวดฉี่พอดี ขุ่นแม่บอกเดี๋ยวพาไปฉี่เอง พาไปไหนรู้ไหม? พาไปที่พุ่มไม้ และถอดกางเกงฉี่เลย จังหวะนั้นคือช็อคมาก คิดในใจแค่ว่า เชี่ยไรเนี่ย!? คนรอบๆก็พลุกพล่าน เรายังมีสติพอที่จะไม่ทำอะไรแบบนั้นนะจริงๆ กูกลัวแล้วววว นี่กูกำลังคุยกับคนแบบไหนอยู่เนี่ยยยย พอเดินถัดออกมา เจอฝรั่งหน้าหล่อนอนเมาแถวๆพุ่มไม้นั้นแหละ สงสารเลยอ่ะ หัวเลอะฉี่ยัง? ความโหดของขุ่นแม่และขุ่นพี่ยังไม่จบค่ะ นางควักนมออกมาให้พวกเราดู แล้วบอกว่านี่ไปทำมา สวยไหม แล้วคือ รอบข้างคือคนเดินเยอะมากอ่ะ ตกใจน้ำตาจะไหล รีบบอกเลยว่า เดี๋ยวเราแยกกันตรงนี้นะคะ นัดพี่ไว้ค่ะ(ขอบคุณพี่ไนท์ที่โทรมาตามหากัน กราบบบบ)
7
กว่าจะตามหาพี่ไนท์เจอก็ใช้เวลานานมาก เพราะคนเยอะมาก ไหนมันจะมีเซเว่นหลอกลวงอีกหลายที่ คือนัดเจอตรงเซเว่นนี่ก็ยากนะ เซเว่นเจือกมีหลายที่ไปอีกและคนเยอะมากๆทุกที่ด้วยนะ เพราะว่าเบียร์ราคาถูกสุดแล้ว ไปซื้อในงานก็แพงกว่านี้อยู่แล้ว พวกเราก็เลยแวะซื้อเบียร์กันที่มินิมาร์ทก่อนถึงหาดนั่นแหละ ระหว่างรอคิวจ่ายค่าเบียร์ ก็รู้สึกได้ว่ามีคนเดินมาชน เราก็ไม่ได้สนใจอะไรคิดว่าทางมันคงแคบ แต่คือแม่งชนอยู่นั่นจนรู้สึกว่า มึงจงใจใช่ไหม!! เลยหันไปมองแบบหงุดหงิด แต่ว่า... มันงานดี เออ!! ให้อภัยก็ได้
"จ่ายเงินค่าา แอ๊วกันอยู่ได้" เสียงพี่ไนท์แทรกเข้ามาขัดพอดี โอเค!! สติมาค่ะ
พอได้เบียร์แล้วก็เข้างานสิครับรออะไร เป็นครั้งแรกที่ได้มาสัมผัสกับงานฟูลมูนปาร์ตี้แบบจริงจัง คนเยอะเป็นหนอน เบียดมาก เดินยากมาก คือกว่าจะเดินไปได้แต่ละทีนี่คือเบียดแล้วเบียดอีก แต่ใช่ว่าจะหงุดหงิดหรืองุ่นง่านแต่อย่างใด พี่ไนท์ก็พาเราเดินฝ่าฝูงชนไปเรื่อยๆ แต่ตัดภาพมา หลีกับต้าหายไป เฮ้ยย!! เพื่อนหาย!! แต่พอสาดส่องสายตาไปด้านหลังซักพักก็จะเห็นคุณเพื่อนทั้งสองแวะอยู่กับแก๊งฝ.งานดีชนขวดชนถังกันสนุกสนานเลย ไอ้พวกนี้นี่!!!! ไม่เรียกวะ ฮ่าๆๆๆๆ เลยตัดสินใจให้พวกมันทั้งสองเดินนำเถอะ ไม่งั้นหลงกันแน่นอน
ขณะเดินๆกันแบบเบียดๆเสียดๆกันนั้นเอง พี่ไนท์ก็พูดขึ้นว่า "แกๆๆ ญี่ปุ่นๆ แวะหน่อยๆ" เหลือบตาไปเห็นแก๊งหนุ่มญี่ปุ่นยืนกันอยู่ เราก็จะจัดให้พี่ซะหน่อย จัดการตะโกนเรียกหลีกับต้า "แวะญี่ปุ่นๆ" แต่หลี...มันหันมาและตะโกนกลับมาว่า "ญี่ปุ่นอะไรของมึง ไม่แวะ!!" แล้วมันก็เดินไป อ้าว!! พาแวะเองก็ได้ มากับฉันทุกคนต้องได้โว้ยยย
หลังจากแวะเต๊าะหนุ่มเอเชียตามสเป็กของพี่ไนท์แล้ว ก็ได้เวลาเต๊าะฝั่งตะวันตกบ้างนะคะ เห็นน้องคนนึงเดินวนไปวนมาหลายรอบละ เลยดึงมาคุยกันหน่อยเพราะว่าน่ารักมาก ได้ความว่าตามหาเพื่อนอยู่ เห็นเพื่อนมันไหม?? คำถามคือ เพื่อนมึงคือใคร ใครคือเพื่อนมึง แล้วกูรู้จักเพื่อนมึงหรอ?? แล้วอยู่ๆมันก็คว้าเบียร์ฉันไปกินเฉยเลย คิดว่านี่จะยอมหรอ ยื้อขวดไว้แน่นมาก กินได้แต่อย่ากระดกหมดขวด ขี้เกียจเดินไปซื้อใหม่โฟ้ยยยยย
8
กำลังสนุกสนานได้ที่ ต้าก็ดันปวดฉี่ เราก็เลยพามันไปห้องน้ำ... รอมันนานมากกกก นานมากกกก นานมากจริงๆ จนหลีกับพี่ไนท์ต้องเดินมาหาว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมนานจัง สรุปคือนางก็เดินออกมาบูมต้นไม้หน้าห้องน้ำเป็นที่เรียบร้อย ชิบหายละ!! เพื่อนกูเบิร์นหัวจากโฮสเทลมาเยอะสินะ ทำไมมึงอ่อนฮะ!! เราก็เบิร์นมาด้วยกัน จะมาล้มง่ายๆอย่างนี้ได้ยังไง จัดการส่งหลีไปซื้อน้ำเปล่ามาให้ต้าบ้วนปากหน่อย มันก็หายไปนานมากกกก นานมากกกก นานมากอีกแล้ว จนรอไม่ได้แล้ว ออกไปซื้อน้ำเองก็ได้ พอเดินไปซื้อน้ำกลับมา เจอไอ้หลีพอดี
"นี่มึงไปไหนมา ไอ้ต้าจะสำลักอ้วกตายอยู่แล้ว"
"ก็อิคนขายน้ำมันพูดภาษาอังกฤษไม่ได้อ่ะ มันก็ขายคนข้างหน้าไม่ได้ เลยไปช่วยมันขายแม่งเลย"
"..." ไม่รู้จะตอบมันยังไงเลย กูจะเป็นลมมมม
ตัดสินใจพาไอ้ต้ากลับโฮสเทลเถิด แต่เอาจริงๆนะนี่เพิ่งมาแค่แปปเดียวเอง ทำไมมึงล้มไวแบบนี้ กูยังไม่สุดเลยนะเพื่อน ตัดสินใจพาไอ้ต้าไปที่แท๊กซี่แต่มันเป็นสองแถวไง มันรอคนครบก่อนรถค่อยออก เราก็ยืนรอนานมากเพื่อส่งเพื่อนกลับ เพื่อนก็หัวทิ่มหัวตำอยู่บนรถ นี่พยายามกันสุดขั้ว ชวนทุกคนตรงนั้นขึ้นสองแถวอย่างเต็มกำลัง แล้วก็หันไปเจอฝรั่งเมาปลิ้นคนนึงยืนอยู่แถวๆนั้นพอดีมันบอกว่าจะกลับที่พักแล้ว รอเพื่อนมาพากลับไป เราก็เข้าไปคุยด้วยเลย กะว่าจะดีลให้มันมาขึ้นสองแถวนี่แหละ คนมันจะได้เต็มๆซะที เลยถามหาเพื่อนมันว่าอยู่ไหน เผื่อว่าส่งมันขึ้นสองแถวไปด้วยกันเลย
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่นี่อ่ะมอไซเพื่อน" เดี๋ยว!! แล้วมึงรู้ได้ไงว่านี่มอไซเพื่อนมึง พอถามว่าทำไมมึงรู้ว่านี่มอไซเพื่อน มันก็ท่องเลขทะเบียนออกมาเลยจ้า ซึ่ง..มึงท่องได้ทุกเลข ทุกตัวอักษรแม้จะเมาเรื้อนขนาดนี้แล้ว แต่เราก็ยังไม่ละความพยายามที่จะให้มันขึ้นสองแถวไปด้วย คนมันจะได้ครบๆเนี่ย
"เหลือตังค์ทั้งตัวแค่ 50 บาทเอง" โอเค งั้นมึงก็นั่งเฝ้ามอไซเพื่อนมึงต่อไปละกัน
หลังจากยืนรออยู่นาน ต้ามันก็หลับๆตื่นๆ มันจะลงถูกที่ไหมเนี่ย เลยตัดสินใจกลับไปกับมันก็ได้วะ บอกลาพี่ไนท์แล้วก็ขึ้นรถกลับโฮสเทลไปส่งมัน พอไปส่งต้าที่โฮสเทลแล้ว เรารู้สึกว่ามันยังไม่สุดหว่ะ มันไม่ได้อ่ะ มันพอแค่นี้ไม่ได้เว้ย เลยตัดสินใจกลับไปอีกรอบนึง แต่พอไปถึงคนก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ ไม่เบียดเสียดเท่าช่วงแรก เราก็เฟลๆนะ เหมือนต้องมาบิ๊วกันใหม่ให้ฟิลมันมา พี่ไนท์ก็แชทมาบอกว่านางนอนแล้วนะ ไม่ต้องกลับมา ช้าไปแล้วค่ะเจ้ น้องมาแล้ว ฮ่าๆๆ
ไม่รู้จะบิ๊วยังไงก็เต้นกับฝรั่งสาวๆกันเอวแทบหลุดแทน เต้นหนักมากจริงๆ ถูกโยนไปเต้นกลางวงหลายรอบจนไม่สามารถนับได้เลย เต้นกันจนเหนื่อยมาก ถามว่ามีหนุ่มๆมาแอ๊วบ้างไหม? แน่นอนว่าคืนนี้เราไม่แปลก เราทำตัวปกติ มันก็มีเข้ามาบ้าง ชอบที่มีคนเข้ามาแอ๊วหลีแล้วหน้าตาเหมือน จอห์น สโนว์ ในเรื่อง Game of thrones มาก แต่นางก็เทไปจ้า ไหนจะพ่อหนุ่มฝรั่งงานดีมาก หุ่นดีมากมาคุยกับหลี เราก็คิดว่า เพื่อนเราได้ละ ปล่อยมันไป เต้นเหงาๆคนเดียวก็ได้ ไปๆมาๆ มันเทเขาจ้า แถมยังบอกว่าจำไม่ได้ด้วยนะว่าเทเขาไป(มึงเทเขาทำไม!! พรีเมี่ยมมากคนนั้นหน่ะ) ยืนๆไปอยู่ซักแปปก็มีคนมาชวนไปเดินที่หาด ซึ่งพวกเราก็ปฏิเสธไป เพราะอะไรรู้ไหม?? คือ...ที่มึงเหยียบอยู่นี่ไม่ใช่หาดหรอไง ตีนกูเต็มไปด้วยทรายเนี่ย งงแค่ไหนถามใจดู
9
พวกเราตัดสินใจกันแล้วว่าเราจะกลับกันตอนหกโมงเช้า หลีเลยตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่มือถือ กะว่าโทรศัพท์ดังเราก็กลับเลย แต่ด้วยความที่เต้นกันมาเป็นเวลานานมากแล้ว เราปวดขามาก เลยขอแว้บมานั่งที่ม้านั่งแถวๆหาด มองทะเลช่วงพระอาทิตย์กำลังจะขึ้น กับบรรยากาศที่ล้อมรอบไปด้วยขยะ ซากคนนอนเรื้อน ฝรั่งเมา ... บรรยากาศแม่งไม่ได้ดีเลย นั่งๆอยู่ก็มีฝรั่งเข้ามาคุยกับหลี เพื่อนกูขายดีเว้ยวันนี้ แล้วก็มีคนมานั่งข้างๆเราเหมือนกัน.. นี่พวกมึงเล็งมาแล้วสินะว่าพวกมึงมาสองคน กุก็เหลือกันสองคน ก็เลยมานั่งคุยกันแบบเปลี่ยวๆเนี่ย
ทางฝั่งหลีก็เม้ามอยอย่างสนุกสนาน ส่วนฝั่งเราบอกตรงๆว่ากูเหนื่อยมากแล้ว ไม่มีอารมณ์จะร่าเริงมากหรอก ใกล้จะหลับละอีกนิดนึง ก็เลยคุยกันแบบเงียบๆ เลิกลั่กๆนิดหน่อย แล้วฝรั่งที่คุยกับเรามาสักพักละ อยู่ๆมันก็โพล่งขึ้นมาเลยว่า "ขอจูบได้ไหม" ว้อททท?? สาธุบุญที่มันขอ แน่นอนว่าเราก็ปฏิเสธไป คนดีป่ะหล่ะ จริงๆคือปากกูเป็นแผลไม่พร้อมรับเชื้อโรคหรือแลกเชื้อโรคกับใคร ต้องการแค่แอลกอฮอล์มารักษาแผลร้อนในเท่านั้นค่ะ นางก็ตีหน้าเศร้าใส่แบบงุ้งงิ้งมาก "ไม่ได้จริงๆหรอ" อย่าอ้อนมาก เดี๋ยวกูเคลิ้ม ไม่ได้จริงๆพ่อคุณเอ้ยยย
ขณะนั้นเองโทรศัพท์หลีก็ดัง แจ้งเตือนว่านี่เป็นเวลาหกโมงเช้าแล้ว พวกมึงต้องกลับได้แล้ว พวกเราก็ลุกพรึ่บ เททุกอย่างบอกลาทุกคน ไปละค่ะ บายยยย ตอนออกมาก็เห็นคนนอนกันกระจัดกระจายที่ sleep area นะ แต่จังหวะนั้นไม่ได้สนใจอะไร เราต้องกลับที่พักและปลุกต้าให้ตื่น เพราะต้าต้องกลับบ้านวันนี้ และเรือก็ออกตอนเช้านี่แหละ เราออกมาก็มีรถสองแถวจอดรออยู่แล้วหล่ะ แต่บนรถเต็มไปด้วยคนอินเดีย หลีมันก็หลับและไปซบคนอินเดียอีก เราเห็นเราก็ลากมันขึ้นมา เดี๋ยวเถอะ!! ไปผิดผีเขาเดี๋ยวมึงต้องยกขันหมากไปขอเขานะโว้ย แต่เราเองก็ง่วงเต็มทนก็หลับเหมือนกัน แต่ทิ้งตัวไปด้านหน้า ไม่ซบใครทั้งนั้น ฉันซบขาตัวเองอย่างเดียว แต่ทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นมาก็จะเห็นไอ้หลีซบเขาอยู่เหมือนเดิม เราก็จิกมันขึ้นมาเหมือนเดิม พอแก๊งอินเดียฝั่งตรงข้ามลงรถไป มันก็บอกเพื่อนมันที่เหลือว่า "ดูแลสองคนนี้ด้วยนะ" ผมนี่ลุกขึ้นพรึ่บเลย ไม่ต้องดูแลผมมมม ผมดูแลตัวเองได้ โดยที่ก็ปล่อยอิหลีซบเขาไปเถอะ กุขี้เกียจจะจิกมันขึ้นมาแล้ว พยายามฝืนตาตื่นจนมาถึงโฮสเทล ก็ค่อยสะกิดให้หลีมันตื่นและเข้าไปที่พักได้แล้ว เตรียมขนของย้ายไปเกาะเต่า ณ บัดนาว!!
10
สิ่งแรกที่ต้องทำหลังจากเข้ามาที่โฮสเทลคือปลุกไอ้ต้าให้ตื่น ให้มันไปอาบน้ำเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯได้แล้ว ส่วนเราด้วยความคิดไว้แล้วว่าต้องขี้เกียจเก็บของ เลยเก็บของใส่กระเป๋าไว้ตั้งแต่เมื่อวานก่อนออกไปปาร์ตี้แล้ว นอนตายรอเพื่อนอาบน้ำอยู่บนเตียง เพราะง่วงมากไม่ไหวแล้ว คิดไว้ว่าจะไปนอนและอาบน้ำที่เกาะเต่าให้หนำใจ พอต้าเก็บของเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาขับมอเตอร์ไซด์ไปคืนและรอขึ้นเรือกัน บนเรือนี่ทรมานใจมาก ไม่มีที่นั่งเหลือแล้ว... ยังไงหล่ะ ต้องไปนั่งเก้าอี้พลาสติกที่นอนยากมาก นอนก็ไม่ได้ แต่ก็หลับได้แบบทรมานร่างกายสุดๆ อากาศก็ร้อนมากๆ ก่อนที่จะลาจากต้าไป เหลือสองคนเหงาๆร่อนไปเกาะเต่ากันต่อ
พอไปถึงเกาะเต่า กะว่าจะไปเช่ามอเตอร์ไซด์ขับไปเที่ยวอีกแหละ แต่พอลงจากเรือปุ๊บ เดินออกมาจากท่าเรือ เห็นถนนที่สภาพเห้กว่าเกาะพะงันซะอีก เราก็ได้แต่มองหน้ากัน และสรุปกับตัวเองเลยว่า... อย่าเลยมึง จ่ายเงินหนึ่งร้อยบาทเพื่อชีวิตอีกหลายสิบปีข้างหน้าเถอะ แต่ว่าพวกเราจองที่พักไว้ใกล้กับท่าเรือ เดินๆไปก็ถึงอ่ะ แต่ด้วยสัมภาระที่หนักหน่วงและเส้นทางเดินขึ้นเขา อีกนิดก็ชัน 90 องศาและพี่ ไหนจะทางเดินแสนขรุขระ แม้ที่พักจะค่อนข้างใกล้ท่าเรือ แต่บอกตรงๆเลยว่า โคตรจะเหนื่อยจริงๆ ไหนจะอดนอน ไหนจะไม่ได้อาบน้ำ ทรมานอะไรเบอร์นี้หล่ะเนี่ย หวังแค่ขอได้เข้าไปพักที่โฮสเทลซะที ระหว่างทางก็มีบรรดาลุงๆป้าๆคอยแต่จะชักชวนให้แวะโฮมสเตย์แถวนั้น ทั้งๆที่เราก็แค่ถามว่าโฮสเทลเราเนี่ยอีกไกลไหม เอาจริงๆก็เกือบเขวไปหาป้าๆเหมือนกันนะ แต่เราจองมาแล้ว เราก็ต้องไปนอนที่ๆเราจองมาสิ จนในที่สุดเราก็เจอโฮสเทลเราจนได้ แทบหลั่งน้ำตาเลยทีเดียว
แต่พอเดินเข้าไปในโฮสเทล ปรากฏว่าเราต้องรอเชคอินตอนบ่ายสอง และตอนนี้เพิ่งจะ 9 โมง กรี๊ดดดด แล้วนี่คือก็ทำอะไรไม่ได้เลยจ้า ก็เลยตัดสินใจเดินทางไปเกาะนางยวนเลยละกัน ไปมันตอนนี้แหละ ในเมื่อเช็คอินไม่ได้ ก็ไปเล่นที่เกาะโน้นละกัน สิ่งที่เราพกไปมีแค่ผ้าขนหนู 1 ผืน น้ำ 1 ขวด แค่นี้จริงๆ เดินลงไปที่หาด เพื่อตามหาเรือหางยาวไปที่เกาะ เราก็ดีลลุงได้คนนึง เที่ยวละ 200 บาทต่อคน เราก็โอเค ดีลให้ลุงมารับด้วย ตอนแรกว่าจะให้ลุงมารับดึกๆเลย แต่ลุงบอกว่า ดึกไปเรือมันออกไม่ได้ คลื่นมันสูงมากเลยนะ เราเลยดีลลุงไว้ที่บ่ายสี่โมง
พอขึ้นเรือหางยาวที่โคตรส่วนตัว เพราะมีแค่เราสองคนเท่านั้น ลุงก็บอกว่าให้ไปนั่งหัวเรือจะได้ไม่เปียก แต่คิดว่าที่ลุงให้ไปนั่งหัวเรือเนี่ย เพื่อถ่วงดุลเรือมากกว่าหน่ะสิ เพราะน้ำแม่งกระเซ็นเข้าหน้า เข้าตา เข้าปากมากๆ คลื่นก็ลูกใหญ่มากจริงๆ โคตรจะโต้คลื่น แดดก็โคตรจะแรง พอไปถึงที่เกาะก็ต้องเสียค่าเข้าก่อนเลย 30 บาท แล้วก็ไม่ให้นำน้ำดื่มเข้าไปในเกาะ เราก็ต้องสละขวดน้ำเราไว้ที่ด้านหน้า เข้าไปแต่ตัวล้วนๆ ไม่รู้จะทำอะไรดี เราก็เลยไปนอนริมหาดแน่นอนว่าเสียเงินอีก 150 บาท แค่ขยับก็เสียตังค์แล้วหล่ะเกาะนี้ พวกเราก็เผลอหลับยาวๆไปซะสามชม. คือตื่นมาเพราะว่าแสบขามากๆ รู้ตัวอีกทีคือแดดมันไล่เข้ามาจนโดนขาแล้ว และคือขาแสบ แดง และพร้อมจะลอกตลอดเวลา ทั้งตัวคือเลยจุดที่เรียกว่าแทนแล้วอ่ะ กลายเป็นตัวดำโดยสมบูรณ์ ฮ่าๆๆๆ แต่เราชอบนะที่มันแทนๆแบบนี้ สวยดี แต่ไม่ชอบตรงที่มันแสบร้อนเพราะตากแดดนานเกินนี่แหละ ไหนจะเสี่ยงมะเร็งเพราะครีมกันแดดก็ไม่ได้แม้แต่จะพกและยังจะมาตากแดดตอนเที่ยงไปอีก พวกเราเลยตัดสินใจว่า ตื่นเถอะ หยุดการตากแดดไว้เพียงเท่านี้เถอะนะ ไม่ไหวแล้วจริงๆ
หลีก็เลยเสนอให้เดินขึ้นไปที่จุดชมวิวของเกาะ ถ้าใครเคยดูในกระทู้รีวิวทั่วๆไปก็ต้องเคยเห็นมุมนี้แหละ โคตรแมสเลยจริงๆ เราก็แบบไม่อยากขึ้นโว้ยยย เพราะเราแสบขามากกก จนไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้น อยากกลับที่พักไปเอาเจลมาแปะขามากๆเลย แต่ไอ้หลีก็เว้าวอนจนเรายอมขึ้นก็ได้วะ ทางขึ้นในช่วงแรกก็ไม่ได้ลำบากอะไรหรอก แต่เราเหนื่อย ล้า แสบขาไปหมดเลย นอนน้อย กินเหล้าแบบรวมๆมาอีก ไหนจะร้อนอีก หงุดหงิดมากๆเลยตอนนั้น แต่ก็ค่อยๆเดินขึ้นไปนะ จริงๆระยะทางไม่ได้ลำบากและไกลแต่อย่างใด คือมันก็เป็นบันไดให้นี่แหละ แต่พอถึงจุดนึงที่ต้องปีนขึ้นไปที่จุดชมวิว มันคือหินก้อนใหญ่ๆวางซ้อนๆกัน ซึ่งเราต้องปีนหินพวกนี้ขึ้นไป. คือเราเหนื่อยและแสบขามาก ตรงจุดชมวิวคนก็โคตรจะเยอะ โคตรจะเบียด จนเราหงุดหงิดขั้นสุด พร้อมเหวี่ยงทุกอย่างเลย แต่มาถึงจุดนี้แล้ว เราก็ขึ้นไปให้มันจบๆ และทุกคนบนนั้นก็ยืนเบียดกันเพื่อรอถ่ายรูปตรงจุดชมวิว คือหินมันก็มีอยู่จิ๊ดนึงก็ยืนเบียดกันนั่นแหละ จังหวะนั้นคือบอกหลีเลยว่า.. มึงถ่ายรูปไปนะ ถ่ายเสร็จแล้วก็ลง กูไม่ถ่าย ถ่ายวิวพอ หงุดหงิดดดดด หลีก็จัดการชักภาพไปหนึ่งภาพ คือมันก็คงเริ่มเซ็งเหมือนกันนั่นแหละ เพราะทุกคนแย่งกันถ่ายวิว จนมองไม่เห็นวิว เห็นแต่คนมุงกันอยู่นั่น เราก็ตัดสินใจเดินลงมาอย่างเร็ว ฝรั่งหน้าตาดี หน้าตาไม่ดี ไม่สนใจแล้วโว้ยยย เดินสับขาอย่างรวดเร็วเลย งานดีแค่ไหนก็ไม่ทน!!!
จากนั้นเราก็ไปนั่งรอลุงคนเรือมารับ บอกเลยว่ากิจกรรมที่เกาะนางยวนของพวกเราจบที่ปีนไปอิจุดชมวิวนั่นแหละ ดำนำ้อะไรไม่ดำทั้งนั้น เพราะเรามีแพลนจะมาดำน้ำลึกอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้แคร์ว่าจะต้องลงไปสน็อกเกิ้ลแต่อย่างใด อีกอย่างคือ ไม่มีอารมณ์ด้วย ง่วง ร้อน แสบขาาาา พอลุงมารับ ไม่ได้มารับเราแค่เพียงคู่เดียว แต่ลุงแกมาเหมานักท่องเที่ยวทั้งเกาะเลยจ้า เราก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ กำลังจะลงเรือละ ลุงก็บอกว่า "อย่าเพิ่งลงมาหนู เดี๋ยวนั่งหัวเรือเหมือนเดิม ให้พวกฝรั่งมันไปนั่งกันข้างใน นั่งหัวเรือจะได้ตัวไม่เปียกไง" โอ้ยยยยย อิลุงงงง ทอแลมากกกก แต่คือก็ขี้เกียจจะอะไรทั้งสิ้น คือนั่งหัวเรือก็มันส์ดี ดีดๆ โดดๆ คล้ายจะดีดเราออกจากเรือตลอดเวลา มันส์ดีค่าาาา
11
พอได้กลับเข้าฝั่ง เราก็รีบไปเช็คอินเข้าโฮสเทลเถอะ อยากอาบน้ำมากๆละ นี่ดองมาจะ 24 ชั่วโมงแล้วนะ ไหนจะแสบขาขนาดนี้ พอไปถึงเจ๊ที่เราฝากของไว้ที่โฮสเทลได้หายตัวไปแล้ว กลายเป็นฝรั่งผมยาวสีบลอนทอง ผิวสีแทนมาดูแลแทน โอโหววว งานดีใจกระตุกเลยอ่ะ แล้วนางก็พาเราเข้าไปในห้องพัก ซึ่งที่นี่ดีมากๆเลย แม้เราจะจองห้องแบบ mixed มา แต่พอถึงเวลาจัดเข้าไปพัก เขาก็แบ่งห้องชายหญิงให้แฮะ เพราะห้องเรามีแต่ผู้หญิงล้วนๆเลย เรากับหลีได้นอนเตียงบนฝั่งตรงข้ามกัน โดยทีเตียงล่างมีสาวฝรั่งพักอยู่ก่อนแล้ว และก็ได้คุยกับสาวที่นอนเตียงฝั่งหลี ได้ความว่าเขาพึ่งไปเรียนดำน้ำมา ก็แนะนำชื่อที่เรียนมาให้พวกเรา เราก็เมมชื่อไว้ เพราะอยู่ไม่ไกลจากที่พักเราซะด้วย ส่วนสาวที่นอนเตียงฝั่งเรา เราไม่ได้คุยอะไรกับเขามาก เพราะมาถึงสาวเจ้าก็เปลื้องผ้าเปลี่ยนชุดต่อหน้าต่อตา เอาซะตกใจเลย เข้าใจแหละว่าผู้หญิงด้วยกัน แต่เราก็ไม่ชินนน
พอสังเกตดีๆก็จะพบว่าถัดๆไปจากห้องเราก็จะมีแก๊งห้องชายล้วนกันอยู่ เดินผ่านๆกันก็ทักทายกันเป็นปกตินี่แหละ แต่ละคนคือมาแบบกล้ามอันเท่าหัวเด็กเลย นี่พี่เป็นเจคอปป่ะคะ หุ่นได้ ผิวได้ หน้าก็ได้ด้วย แต่คือถ้าตบกูขึ้นมานี่คือ หัวหลุดจากคอได้เลยนะ หลังจากอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย เราก็ตัดสินใจออกไปหาอะไรกินให้อิ่มท้อง ก่อนที่จะเดินเท้าไปหาดทรายรี ฟังไม่ผิดหรอก เราจะเดินไปหาดทรายรีกัน!! เพราะไม่อยากเสียเงินค่ารถ ดูจากแมพแล้วเราน่าจะเดินไปได้ไม่ยาก ก็เดินไปเรื่อยๆ คุยกันไปเรื่อยๆ ฝนก็เริ่มตกปรอยๆ แต่เราก็เดินไม่ถึงซะที แต่นั่นไม่น่ากลัวเท่ากับที่ระหว่างทางที่เดินไปเรื่อยๆมันคือป่าทั้งสองข้างทาง มีผ่านวัด ผ่านร้านค้าข้างทางเพียงเล็กน้อย ไฟทางก็น้อย คนเดินก็ไม่มี จะมาเปลี่ยนใจเรียกรถตรงนี้ก็ดูอันตรายจนเกินไป เพราะรถค่อนข้างขับกันเร็วมาก ทางก็มืดและชันอีกต่างหาก
เราเดินไปเรื่อยๆจนเจอกับฝรั่งหนุ่มสาวคู่นึงที่ดูท่าจะเดินไปหาดทรายรีเหมือนกับเรา เขาเดินมาถามทางเรา เราก็ถามเขาเหมือนกัน ก็เลยตัดสินใจเดินไปด้วยกันนี่แหละ แต่สิ่งที่โชคดีคือคู่ฝรั่งเขาพกแผนที่มา เขาก็บอกให้เราเดินทะลุซอยๆนึงเข้าไป มันน่าจะทะลุไปโซนสิ่งมีชีวิตได้ ก็เดินตามเขาไปนั่นแหละ และพบว่า เฮ้ยยยยยย เจอคน เจอร้านค้าแล้ว เราก็บอกลาเขาทั้งสองคน เราก็พยายามเดินหาสถาบันที่สอนดำน้ำ เราคงมาเรียนได้แค่วันเดียวเท่านั้น ก็พยายามหาร้านที่ราคาโอเค ขณะเดินดูไปเรื่อยๆ ก็เจอคนคุ้นหน้าคุ้นตาที่เกาะนางยวนบ้างประปราย เดินวนๆมันก็เจอกันจนได้อ่ะนะ
นอกจากจะเดินหาสถาบันสอนดำน้ำแล้ว เราก็ยังเดินดูบาร์ต่างๆด้วยว่ามีบาร์ไหนน่าสนใจบ้าง แต่ตอนที่เราไปเนี่ยมันก็เพิ่งจะทุ่มสองทุ่ม ก็เลยยังไม่มีคนเลย เงียบเป็นป่าช้าเลยแต่ละบาร์ เราก็เลยตัดสินใจไปนั่งกินไอติมกัน แวะซื้อยาแก้ไข้มากิน แล้วก็โบกรถกลับที่พัก ซึ่งรถที่นี่ต้องเป็นกระบะสไตล์วิ่งขึ้นเขาเลย แล้วเราก็พบว่า แม่งไกลนี่หว่าาาา ที่เราเดินกันมา!!! ไม่น่างกเงิน 100 บาทเลยพวกเรา พอกลับมาที่พักเวลาประมาณสามทุ่ม เราก็คิดว่าดึกๆเราคงออกไปเดินดูบาร์แถวนี้แทนแหละ แต่ไปๆมาๆ ก็หลับไปไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีก็แปดโมงเช้าแล้ว...
12
พอตื่นขึ้นมาสิ่งที่เราทำก็คือเดินออกไปหาสถาบันสอนดำน้ำ ลองถามพี่ผู้หญิงที่ดูแลโฮสเทล(ที่เราเจอเมื่อวาน) สงสัยมาสลับเวรกับไอ้หนุ่มผมบลอนแล้ว พี่เขาก็แนะนำที่เดียวกับที่สาวฝรั่งในห้องเราไปมาเหมือนกัน ก็เลยตัดสินใจเดินไปที่นั่น เพราะมันไม่ไกลจากที่พักเท่าไหร่นัก พอเดินด้อมๆมองๆ ก็ตกใจนิดหน่อย เพราะฝรั่งหมดเลย เอาไงดีวะ แต่แล้วก็มีผู้หญิงไทยเดินออกมาคุยกับเรา ก็เลยได้เข้าไปที่นี่แหละ ซึ่งสาวไทยผู้นี้ก็เป็นแฟนกับครูสอนดำน้ำนี่แหละ แถมอายุก็เท่าๆกับพวกเราซะด้วย ก็เลยได้เม้ามอยกันยกใหญ่ ที่นี่ส่วนใหญ่คนสอนเป็นคนสเปนล้วนๆเลย ครูสอนก็จะสไตล์หนุ่มสเปนเลยจ้า กวนตีนๆ ซ่าๆ ขี้แซว แต่ครูเราเรียบร้อยอยู่นะ สงสัยเพราะมีแฟนแล้ว ฮ่าๆๆๆ
เราเลือกเรียนเป็น try scuba diving เรียนทฤษฎีนิดๆหน่อยๆประมาณครึ่งชั่วโมงก็ไปลงน้ำเลย ก่อนอื่นก็ต้องลองชุด หาไซส์ที่มันพอดีกับเราที่สุด ทั้งหน้ากากเอย ชุดเอย ตีนกบเอย ทุกอย่างต้องพอดีกับร่างกายเราทั้งหมด แล้วเราก็ต้องขนของทุกอย่างของเราไปเอง ก็เดินเท้าไปท่าเรือนี่แหละ เพราะมันไม่ไกลมาก ซึ่งเราก็จะไปร่วมทริปกับอีกหลายๆทีม ส่วนใหญ่เขาก็จะเรียนกันมากสุดคือ 4 คนต่อครูหนึ่งคน ขึ้นไปบนเรือไม่มีคนไทยอยู่เลยซักคนเดียว คนมาเรียนหรือคนสอนก็เป็นต่างชาติทั้งหมด แม้แต่คนเรือยังไม่ใช่คนไทยเลย ล่องเรือออกไปซักพัก ครูก็เริ่มให้เราเปลี่ยนชุดเป็นชุดดำน้ำ เราก็พยายามเดินหาห้องน้ำกัน แต่ก็พบว่า..ไม่มีหว่ะ คนอื่นเขาก็ถอดมันตรงนั้นแหละ เปลี่ยนมันตรงนั้นแหละ เราก็เลยเปลี่ยนชุดมันตรงเรือนี่แหละ แต่คือก็มีบิกินี่กันด้านในแหละนะ ไม่ใช่ว่าเปลือยหมดขนาดนั้นนน
ตอนแรกกลัวมาก ทุกอย่างหนักมาก อุปกรณ์เยอะ แน่นไปหมด คือพอใส่ชุดมันก็แน่นมากอยู่แล้ว แล้วเราก็ต้องแบกถังออกซิเจนไว้บนหลังซึ่งหนักมากกก คือลุกไม่ได้ครูต้องมาดึงถังให้ลุกขึ้นมาได้ แล้วตีนกบก็เดินยากไปอีก พอยืนขึ้นมาก็ต้องหาเสามายืนพิงเลย เพราะว่าอิถังหนักมาก เรือก็โคลงไปอีก แล้วครูก็พาเราลงทะเลไปใน dive แรก สนุกดีนะ เพราะครูก็คอยช่วยตลอด จนสงสารเค้าเลยอ่ะ คือแค่ dive แรกพวกเราก็เหนื่อยกันมาก ขึ้นมาบนเรือได้นี่ ปลดซิบข้างหลังกันอย่างไว เพราะอึดอัดมาก และตัดสินใจกันว่า พอเถอะ เรามาลองแค่นี้ก็พอแล้ว เหนื่อยไม่ไหวแล้ว แต่ครูก็ยังจะเดินมาบิ๊วอีกว่า dive 2 นี้นะจะได้เจอปลาอะไร ปะการังแบบไหน ก็เลยหันมามองหน้ากันและ... เอาก็เอาวะ มาขนาดนี้ละ ลงอีก dive นึงก็ได้วะ!! ครูของอีกทีมอยู่ๆก็เดินมาคุยด้วยแล้วก็มารูดซิบชุดให้ไอ้หลีอีก ตกใจกันหมดเลยจ้า อยู่ๆก็เดินมารูดซิบเสื้อให้ ใครจะไม่ตกใจวะ
พอถึงเวลาลง dive 2 คิดว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น แต่กลายเป็นว่ายิ่ง dive 2 นี่แทบยกมือกราบครูเลยจ้า เพราะเราคอนโทรลตัวเองไม่ได้จริงๆ บทจะจมก็จมแทบเอาขาไปฟาดปะการัง เค้าก็ต้องมาดึงเราขึ้นไป บทจะลอยก็พุ่งไปบนน้ำเลยจ้า แล้วจังหวะที่ลอยขึ้นคือเราลอยไวมาก แล้วสิบเมตรอ่ะที่เราลอยขึ้นมา ต้องคอยปรับความดันในหูตลอดเวลาเลย ครูก็ต้องมาลากลงไป ครูบอกเธอนี่อย่างกับจรวดเลยนะ แล้วนางก็แสร้งชมเรา ว่าเราทำได้ดี รู้หน่ะว่าพูดให้กุมีกำลังใจไปงั้นแหละ
ตอนลอยไปตอนแรกนี่หลีตกใจมากเพราะอยู่ๆเราก็หายไป เราเห็นอาการมันตกใจชัดมาก แต่ไม่รู้จะบอกมันยังไงดี(คือกุลอยอยู่ไง ฮ่าๆ) พักหลังๆพอหาไม่เจอปั๊บ ครูกับหลีสบตากันละเงยหน้ามามองข้างบน ก็จะเจอฉันลอยอยู่จ่ะ ตอนหลังครูตัดสินใจดึงหลังเราสองคนมาชนกันละลากพาชมปะการังแทน มีการชี้ให้ดูโน่นนี่นั่นอีกนะ แล้วนั่นก็เป็นช่วงเวลาที่ดีมากเลย เพราะว่าเราไม่ได้ต้องพะวงกับการคอนโทรลตัวเองอีกต่อไป ดื่มด่ำกับธรรมชาติใต้น้ำได้ร้อยเปอร์เซ็นจริงๆ คือถ้าเราสามารถคอนโทรลตัวเองใต้น้ำได้ มันคงจะสนุกกว่านี้มากๆเลย ใต้น้ำมีอะไรสวยๆอยู่ตรึมเลยนะ ยิ่งกับทะเลทางใต้ของพวกเราแล้ว มันสวยงามแล้วก็อัศจรรย์มากจริงๆ พอโผล่ขึ้นจากน้ำมาครูเราก็ยิ้มแป้นเลย ครูน่ารักมาก คือเราแบบรีบพูดขอโทษครูเลย ที่แบบทำเองไม่ได้ซักอย่าง ต้องขอให้เขาช่วยตลอด ยื่นมือให้เขาดึงตลอด (นี่คือถ้าเขาไม่มีเมียและฉันเรียนกับเขานานกว่านี้อีกนิดนี่ได้สปาร์คแน่ๆ) ไหนจะให้เขามาลากจูงสองควายใต้น้ำในไดร์ฟสุดท้ายอีก เพราะเขาต้องใช้แรงเยอะมากจริงๆที่จะลากเราแบบนั้น
ถ้ามาเรียนแบบคอร์ส open water เลยอ่ะ ครูก็จะปล่อยเราทำเองทุกอย่างจริงๆ แต่รอบนี้ครูช่วยทุกอย่างจริงๆแบบ ใส่ชุด ถอดฟิน หิ้วถังออกซิเจน(คือแม่งโคตรหนัก) ครูกรุ๊ปข้างๆก็มาช่วย(ครูคนเดิมนั่นแหละ เขาเป็นเพื่อนกับครูเรา)ซึ่งสันดานสเปนมากๆช่วยมากกว่าครูเราเองอีก ครูเราจะเน้นให้พยายามทำเองก่อน ถ้าไม่ได้จริงๆนางค่อยช่วย แต่ในขณะที่เรากำลังพยายามแกะฟินออกจากเท้าก่อนจะขึ้นเรือ(คือมันทรงตัวยากนะ อยู่ในน้ำ ไหนจะอิถังออกซิเจนอีก แล้วก็ต้องเอื้อมมือไปปลดฟิน) พยายามแงะอยู่ซักแปป ครูกรุ๊ปข้างๆทนไม่ไหว จับเท้าเราถอดฟินให้ทั้งสองข้างเลย ใจดีไปอีกจ้าาา
อีกอย่างที่สำคัญ การได้แฟนเป็นครูสอนดำน้ำไม่ใช่เรื่องยาก แค่หาครูที่โสดอยู่ค่ะ มันต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาจริงๆ เค้าก็คอยดูแลตลอดจริงๆ ตอนเปลี่ยนชุดก็ต้องเปลี่ยนตรงเรือนั้นแหละ ไม่มีห้องน้ำ แก้แม่งตรงนั้นแหละ ตอนเรียนเสร็จครูเราจะให้ซักชุดเอง ครูที่กวนตีนๆเดินมาบอก ไม่ต้องซักๆ แล้วเดินมาแตะไหล่เรา ละพูดว่า “มันจบแล้วนะ พักผ่อนๆ” ชั้นคงดูเหนื่อยมากสินะ
สรุปค่าใช้จ่ายกันอีกนิด ค่าเรียน 2000 ประกันชีวิต 300 ลง dive2 อีก 800 รวมๆก็ 3100 คุ้มค่ะ แต่จะคุ้มกว่านี้ถ้าเรียน open water 7500 บาทได้ใบเซอด้วย เรียนสี่วัน คนไทยไปเรียนกันน้อยมากๆ เพราะงั้นไปเรียนเถอะ ไปเกาะเต่านี่แทบไม่เจอคนไทยเลยจริงๆ ยังจำคำพูดที่ครูพูดกับเราได้อยู่เลย เขาบอกว่า ขนาดเขาเป็นคนต่างชาติยังชอบทะเลไทยมากๆเลย ทำไมคนไทยถึงไม่มาดำน้ำกันหล่ะ ทั้งๆที่มันสวยมากขนาดนี้
13
ก่อนจะกลับที่พักเราก็ขอถามเกี่ยวกับ pub crawl ซะหน่อย ก็ได้ความว่า เราต้องไปที่ choppers bar เพราะที่นั่นคือจุดเริ่มต้นของประเพณีนี้เลย pub crawl คืออะไร มันเป็นเหมือนการปาร์ตี้แบบย้ายร้านไปเรื่อยๆทั้งคืน ที่เกาะเต่าก็มีประเพณีนี้อยู่เหมือนกัน จำได้ว่ามีทุกกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ วันอาทิตย์นี่ไม่แน่ใจว่ามีชัวร์ๆไหม แต่ตอนนั้นเราไปวันจันทร์พอดี และจะย้ายร้านกัน 3-4 ร้าน โดยที่สุดท้ายจะไปจบที่หาดทรายรีตอนเช้าพอดี เรียกได้ว่ามันส์กันทั้งคืนแน่นอน อยากให้ลองไปพบประสบการณ์นี้กันจริงๆนะ
ก่อนจะทำอะไร เราก็อาบน้ำแต่งตัว ไปนั่งกินหมูกะทะที่เกาะเต่านี่แหละ รู้สึกอดอยากมาหลายวัน และก็ใช้พลังงานไปเยอะมากๆ ต้องการความหมูกะทะมาเติมเต็ม แล้วเราก็นอนพักผ่อนกันซักพัก ก่อนจะเดินออกไปหารถเพื่อไปที่หาดทรายรีกัน ไม่พลาดด้วยการเดินเท้าอีกแล้วค่ะ ก็มีพี่ๆแถวนั้นใจดีโทรตามรถให้นะ เราก็ยืนรออยู่แถวๆนั้นแหละ ระหว่างรอก็มีฝรั่งสองคนขับมอเตอร์ไซด์มาสองคัน ถามหาทางไปท่าเรือกับเรา... เราก็แบบ..ดูไม่รู้หรอว่ากูก็นักท่องเที่ยว นี่ปากกูแดงมาเลยนะ แต่ก็บอกทางไปแหละ เมื่อวานเดินผ่านมาหมดละ จำได้ว่าทางไหนไปท่าเรือ
พอรถมารับเราก็มุ่งหน้าไปที่หาดทรายรี คือตรงหาดทรายรีจะเป็นโซนที่มีของขายตลอดเวลา มีร้านสัก มีร้านขายอาหาร บางร้านก็ฮิปสเตอร์สุดๆ รวมถึงสถาบันสอนดำน้ำต่างๆมากมาย บาร์เอย โฮสเทลเอย มีพร้อมที่หาดนี้ จริงๆก็แนะนำให้มาพักแถวๆนี้นะ มันสะดวกดี ปาร์ตี้ง่ายมาก มีของกินพร้อม มีร้ายขายยาต่างๆมากมาย
แน่นอนว่ามาถึงเราก็เข้า choppers bar กันเลย แต่หัวค่ำนี่แหละ ตั้งแต่มันยังไม่มีใครเข้ามาซักเท่าไหร่นี่แหละ ก็ซื้อเบียร์มานั่งกินกันไปคนละขวด แล้วก็คอลไปหาต้าด้วย แม้กายจะห่างแต่เราคุยกันได้นะเพื่อน ก็ส่องกล้องไปรอบกายให้เพื่อนได้ส่องหนุ่มในบาร์ซะหน่อย เพราะงานดีก็แน่นร้านอยู่นะ แต่ที่เราติดใจเนี่ยคือบาร์เทนเดอร์ต่างหาก เราชอบมากกกก นั่นทำให้เราต้องเดินวนไปซื้อเบียร์อีกสองสามขวดเลยอ่ะ ขอให้ได้ซื้อกับเขาซะหน่อยเราก็ดีใจละ คือเห็นหน้าบาร์นี่สาวๆนั่งคุยกับหนุ่มคนนี้เต็มเลย เราก็ไม่สู้อยู่แล้ว ไม่ใช่สายฟาดฟัน ฮ่าๆๆๆ และนั่นก็ทำเอาเมาใช้ได้เลยนะ ก็จัดขวดใหญ่กันไปคนละสองสามขวดเลยนะ นั่งกันอยู่นานพอสมควร
ซักประมาณสามสี่ทุ่มแก๊ง crawl จะใส่เสื้อมา คือเราจะซื้อเสื้อก็ได้นะ ซื้อเสื้อ 400 ได้เหล้าถัง 1 ถัง ชอตอีก 2 ชอต คุ้มนะจริงๆ คือตอนแรกว่าจะซื้อละ แต่หลีมันรั้งไว้ บอกว่า พวกเราไม่กินเหล้าเยอะขนาดนั้นหรอก ไม่จำเป็นต้องซื้อหรอก(หรอออออ??) จากนั้นคนก็เข้ามาแน่นร้านแบบ แน่นมาก ยืนบนโต๊ะเลยทีเดียว ก็ตี้กันไป เต้นกันไป ซักพักก็จะเริ่มย้ายร้านละ คือถ้าเราซื้อเสื้อเนี่ยก็น่าจะมีแผนที่มาให้แหละ ว่าไปผับไหนต่อ แต่เอาเข้าจริงคือแค่ร้านแรกเราก็กรึ่มหนักพอสมควรแล้ว แต่พอย้ายไปร้านสอง fishbowl จ้า ร้านแรกแนวนั่งดริ้ง แต่ร้านนี้คือไฟแว้บๆๆๆๆมาเลย สายเต้นอย่างเราจะเหลือหรอ เต้นสะบัดมากบอกเลย เจอสาวที่นอนเตียงข้างล่างเราด้วย จริงๆคือเราจำเขาไม่ได้หรอก แต่เขาเดินมากอดเราและบอกว่า ฉันจำเธอได้ เธออยู่ที่ 69 hostel เราก็กรี๊ดเลยยยย กอดแนบแน่นเหมือนสนิทกันมาหลายปีเลย แล้วก็เต้นกันอย่างเมามันส์ คือพอย้ายร้านเครื่องดื่มมันก็ต้องมาถูกไหม เลยเดินไปดูที่บาร์และจิ้มเอาเหล้าถังที่มันถูกสุดเลย มันคือแสงโสมจ้าาา ถังละ 150 ก็กะว่าเราจะมากินด้วยกันกับหลีนี่แหละ แต่ไปๆมา เขาทำมาให้สองถังและคิดเงินเราแค่ถังเดียว รออะไรหล่ะ หยิบถังได้ก็หนีหายออกมาจากบาร์แล้ววว คิดเงินผิดเราก็ไม่สนแล้วนะจังหวะนี้
ขณะที่เต้นๆกันสองคน มีรวมกรุ๊ปกับสาวๆบ้างในบางครา อยู่ๆก็มีชายไทยเดินหน้าเข้ามาจีบหลีหว่ะ คือเราก็พยายามช่วยพูดอ่ะนะว่าเพื่อนเราไม่สนใจเธอหรอก แต่คนไทยคนนั้นก็ไม่ได้แคร์อะไรเลย ด้วยความที่เราก็คิดว่าเพื่อนเราน่าจะเอาตัวรอดได้นะ เราก็ไปหาแก๊งสาวๆเต้นด้วย ไม่ก็เต้นอยู่คนเดียว(กูอยู่ฟีลไหนเนี่ยถึงได้ไปยืนเต้นคนเดียว ในมุมๆด้วย) เต้นๆมันส์ๆคนเดียวอยู่ในมุมซักพัก ก็มีหนุ่มน้อยทรงหมูหยอง(หมูหยอง = ทรงผมมีความหยิกและเป็นสีทองๆ) มาลากเราไปเต้นกลางวง เดี๋ยวๆ ทำอย่างกับกุเต้นสวย แต่ได้!! ลงมาแล้ว จัดเลยกลางวง ล้อมกุมา ดูกูเต้นซะให้หนำใจเลยพวกมึง!!!
เต้นๆอยู่ซักพักก็เททุกคนหนีไปเข้าห้องน้ำ ออกมาอีกทีก็แวะดูเพื่อนซะหน่อย มันยังคงติดพันกับชายไทยผู้นั้นอยู่เช่นเคย... หลี!! เมื่อไหร่มึงจะสลัดหลุดวะ นี่กูหนีไปเต้นคนเดียวนานมากแล้วนะ ทำไมยังจะมาอยู่ด้วยกันอีกเนี่ย พวกเราก็ตัดสินใจไปซื้อเหล้าถังกันอีกแต่คราวนี้กินของดีเลย จัด Mojito มาเลย ถังละห้าร้อยกว่าบาทอ่ะ แต่อร่อยมากจริงๆ ขณะที่กำลังงงๆอยู่ หนุ่มน้อยหมูหยองก็เดินมาเจอเราอีกรอบ คราวนี้เหมือนเดิมเลย ลากกูไปเต้นด้วยอีกแล้ว คราวนี้ลากไปเต้นอย่างเดียวไม่พอ ยังจะลากเราไปหาเพื่อนมันอีก แล้วด้วยความเบียดเสียดของคนมากมาย เรารำคาญอ่ะ เราเลยเทเขาไปอีกรอบ ไปเต้นกับคนแถวๆนั้นแทน ใครไม่รู้ เต้นอยู่ฉันก็เต้นด้วย (มาคิดย้อนไปก็... เทเขาทำไม หมูหยองคือสเป็กเราเลย แถมหลีมันก็บอกว่า เพื่อนเขาอ่ะอยู่ไม่ไกลจากที่เรายืนเลยซักนิด แต่เราคิดไปเองว่าอีกไกล ร้องไห้แปป)
จนแล้วจนรอดหลีก็ยังไม่สามารถสลัดชายไทยคนนั้นทิ้งไปได้ นานเกินไปละ เกินไปจนกูเนี่ยรำคาญเองละ ตอนนั้นก็ไปเจอเพื่อนที่มาจากโฮสเทลเดียวกันพอดี ก็เลยถามเพื่อนฝรั่งว่า ทำไงดีที่จะสลัดผู้ชายคนนั้นออกไป มันยุ่งกับเพื่อนฉันนานแล้ว รำคาญ ฝรั่งก็น่ารักเดินไปไล่ให้ แน่นอนว่าไล่สำเร็จด้วย แต่คือตอนนั้นไม่รู้นะว่าเขาไล่ให้วิธีไหน พอหลุดมาได้พวกเราก็เตรียมย้ายร้านต่อ (ใครบอกว่าฝรั่งน่ากลัว คนไทยนี่แหละน่ากลัวสุดตื๊อไม่เลิก ถ้าฝรั่งเราบอกว่าไม่ มันก็ไม่ตื๊อแล้ว)แต่ไปไม่ถูกจ้า แก๊ง crawl เขาไปกันหมดแล้ว เดินก็เซ เมาก็เมา เลยตัดสินใจ กลับดีกว่า โดยที่เราบอกเลยว่าเราเมาหนักมากจริงๆ แต่หลีมันไม่เมาเท่าไหร่ เพราะมันกลัวชายไทยคนนั้นอยู่ตลอดเวลา เราก็หวังจะให้หลีพากลับ แต่ลืมไปว่า มันไม่เคยจำทางได้ซะที
"มึง!! ตั้งสติก่อน กูจำทางกลับไม่ได้" หลีมันจับตัวเราให้ตั้งสติพามันออกไป ตอนนั้นเราก็ไม่รู้นะว่าพามันเดินออกมาถูกได้ยังไง แต่คือก็เดินมาเจอวินแท๊กซี่กระบะนี่แหละ แต่รถยังไม่มา ก็เลยต้องนั่งรอตรงแถวๆนั้นก่อน เราก็ฟุบหลับเลยจ้าาา มันง่วงมากเลยอ่ะ ภาพมันก็ดับๆติดๆแล้วตอนนั้น ขณะนั่งรอก็เจอแก๊งพี่กล้ามเจคอปที่เราพักโฮสเทลเดียวกันด้วยแหละ พี่กล้ามแกใจดีมาก คือเห็นว่าเราเมาหนักมากมั้ง มาหิ้วเราขึ้นรถกระบะ พาไปนั่งชิดด้านในสุดเลยนะ แล้วพี่แกก็นั่งกั้นไว้ มองไปฝั่งตรงข้ามเห็นหลีมันขึ้นรถมาด้วยกันพร้อมเหล้าถังในมือ?? ก็สบายใจเอนนอนไปฝั่งรถ ตอนนั้นพลาดมาก คือง่วงเลยเอาหัวพิงรถ ทำไมไม่พิงกล้ามพี่แกไปวะ ฮ่าๆๆๆ จะมากุลสตรีอะไรตอนนั้น คิดแค่ว่า ไม่ได้!!เราจะซบผู้ชายไม่ได้ จิตใจหญิงไทยอันแข็งแกร่ง
จากนั้นก็ภาพตัด จำได้ว่าลงจากรถได้ก็สลัดทุกคนทิ้ง เดินๆๆๆไปที่ห้องนอน ปีนไปนอนบนเตียงชั้นสอง หัวชนกับที่วางของ โคตรเจ็บเลยนะ แต่พอทิ้งตัวหัวถึงหมอนปุ๊บ...หลับเลยทันที สรุปคืนนั้นโดนค่าแอลกอฮอล์ไปพันสี่ค่ะ เปลืองโคตร ไหนบอกเราจะกินกันไม่เยอะไงหลี คือไม่ได้แพงนะ ราคาก็เท่าที่ข้าวสารนะพวกเบียร์หน่ะ แต่กินเยอะไง เมาสะใจไหมหล่ะ ตื่นมาก็ยังเมาอ่ะ ของเขาดีจริงๆ
14
พอตื่นมาตอนเช้า เราก็มองลงไปที่เตียงข้างล่างฝั่งที่หลีนอนอยู่... เฮ้ยยย แม่สาวนักดำน้ำฉันไปไหนละเนี่ย ทำไมกลายเป็นผู้ชายหลังเปลือยนอนถอดเสื้ออยู่แทนฟะ (งานดีซะด้วยนะ) แต่เราก็เตรียมขนของออกจากโฮสเทลอย่างไวเลยค่ะ เดี๋ยวจะไปขึ้นเรือกลับกรุงเทพไม่ทันเอา จังหวะเดินออกมาด้านหน้าโฮสเทล ก็เจอแก๊งสาวๆเหมือนเพิ่งกลับจากปาร์ตี้เดินสวนมาพอดี ก็ทักทายกันพอเป็นพิธี อิฉันรีบมากจริงๆค่ะ ไม่เจอพี่กล้ามด้วย ถ้าเจอจะกราบขอบคุณซะทีนึงที่ช่วยเหลือกัน
ก่อนจะเดินไปรอขึ้นเรือแบบเมาๆ เราก็แวะซื้อแซนวิชของป้าแถวนั้นพกไปด้วยเผื่อแก้หิวกลางทาง ระหว่างรอเรือนั้นเอง ก็มีคนใส่เฝือกขาเดินมาคนนึง ทางพนักงานเลยเดินมาถามว่า มากี่คน จะได้ให้ขึ้นเรือก่อน เค้าก็ตอบว่าคนเดียว พี่พนักงานก็กำลังจะพาเดินไป มีเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนึงครับเดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนมันไปจับพี่พนักงานไว้ ละพูดว่า “i'm with him” ทุกคนตรงนั้นรวมถึงพนักงานหันไปมองมันละทำหน้าปลงใส่มัน คือถ้ามึงจะขี้เกียจรอเรือขนาดทิ้งเพื่อนมึงทุกคนขนาดนี้หล่ะก็นะ.. ซักแปปมายืนรอข้างๆฉันเลยจ้า เราก็พยายามอย่าไปยุ่งกับมัน หล่อทั้งแก๊งก็จริง แต่ก็เหี้ยทั้งแก๊งเช่นกัน มันก็บ่น fuck อะไรของมันไปเรื่อย
พอได้ขึ้นเรือเราก็เตรียมจะนอนกันเต็มที่ แต่พายุซ้ำกระซัดกระเซ็นมากๆ เรือโคลงไปมา ทางซ้ายเริ่มอ้วก คนข้างหน้าก็เริ่มอ้วก คนข้างหลังก็เริ่มอ้วก พนักงานก็แจกถุงกันสนั่นหวั่นไหว เราก็ไม่ได้สนใจ พยายามเบี่ยงความสนใจตัวเองไปที่อื่น คือกลัวอ้วกเพราะคนอื่นบิ๊วนี่แหละ แต่.. ไอ้หลีก็สะกิดเราและบอกว่า
"มึง..กูจะอ้วก" ทำหน้าพะอืดพะอมใส่อีก ชิบหายละ!! เอาไงดีวะ พนักงานแม่งถือถุงไปไหนละเนี่ย "กูจะไม่ไหวแล้ว มันกำลังจะพุ่ง"
"เดี๋ยวกูหาถุงกับพนักงานให้นะ แปปนึง" เราพยายามชะโงกหน้าหาพนักงาน แต่หลีได้รั้งมือเราไว้และพูดว่า
"ถุงในมือมึง เอามาให้กูเดี๋ยวนี้" พอหันมาดูที่มือตัวเองก็เห็นว่าเราถือถุงใส่แซนวิชอยู่จริงๆด้วย เลยรีบสละถุงให้มันอย่างไว หลีก็จัดการ โอ้กอ้ากจนหมดไส้หมดพุงมันเลยมั้ง ส่วนเราก็ทำสมาธิไม่ยอมอ้วกตลอดเส้นทาง โดยที่ในมือก็ถือแซนวิชที่มีพลาสติก wrap ไว้ตลอดเวลา สภาพแม่งรันทดมาก จนในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงซะที แต่ความเวรตะไลยังไม่จบครับ...
กำลังเดินต่อคิวออกจากเรือ อิแก๊งหล่อแต่เหี้ยมันเดินตามหลังมาเว้ย รู้สึกมีน้ำๆกระเด็นมาโดน เลยหันไปดู พบว่า.. มันหยิบแปรงขึ้นมาแปรงฟัน!!! มึงจะอินดี้ไปไหนวะ เวลานี้มันใช่เวลาไหม พอมีคนถามว่าแปรงฟันได้หรอ มันก็หยิบน้ำเปล่าขึ้นมา และพูดว่า “แปรงได้มีน้ำ” คือฮามันมากจริงๆ ตราตรึงมากอินี่ ตอนนั้นคิดแค่ว่าอย่ามาชวนกุคุยนะ คนเหี้ยและคนเหี้ยไม่ควรเจอกัน เดี๋ยวจะพากันไปทำเรื่องเหี้ย
ทริปนี้ก็จบไปแบบอึนๆงงๆ คำนวณเงินไม่ถูก ช่างแม่งไปหลายอย่าง แต่ก็เป็นทริปที่โคตรจะสนุก โคตรจะมันส์ โคตรจะสุดในหลายๆเรื่องเลย ขอบคุณความทรงจำดีๆนะ มีไม่ดีบ้างแต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่จะจำไว้ตลอดเลย
15
= ทริปนี้ได้ขึ้นมาแทบจะครบทุก transportation ทั้งรถไฟ เครื่องบิน เรือ รถบัส มอไซ รถกะบะ รถสองแถว ครบจริงๆ
= ถ้าได้กลับไปอีกจะเรียน open water และจะอยู่ crawl ให้ถึงเช้า
= ทริปนี้รูปน้อยมาก ถึงมากที่สุด หารูปยากมาก จึงต้องมาบรรยายเป็นตัวอักษร
= มีค่าใช้จ่ายช่วงอยู่พะงันแบบชัดเจนมากเพราะต้าทำบัญชีไว้ ช่วงเกาะเต่าไม่มีค่ะ นักบัญชีกลับแล้ว เหลือพวกขี้เกียจสองคน พยายามจะนึกให้ออกนะว่าใช้อะไรไปเท่าไหร่ แต่สุดท้ายนึกละปวดหัว ก็เลยช่างแม่ง!!(สันดานเสียมาก อย่าเอาเยี่ยงอย่าง)
= ลืมคืนกุญแจโฮสเทลหนึ่งดอก ตอนนี้นี่กลับไปพักได้เลยนะ ตอนคืนหาไม่เจอจริงๆก็เลย ช่างแม่ง!! (สันดานเสียอีกแล้ว)
= ถ้าถามว่านกไหม? บอกเลยว่าไม่มีใครนกนะคะ แต่เทเอง ถึงตอนนี้ยังถามตัวเองอยู่เลยว่า เททำไม?ชั้นเทเค้าทำไม?
= ก็เป็นประสบการณ์ดีๆที่ได้หลั่งน้ำตากันบนรถไฟ หัวเราะกันบนรถไฟ เหนื่อยกันบนรถไฟ บ่นกันบนรถไฟ ตลกดี
19-23 May 2016 @ Koh Phangan and Koh Tao
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น