In ๐ประสบการณ์๐ ทบทวนตัวเอง ปีใหม่ รีวิว new year

A year and review 2018: ทบทวนปีเก่าเริ่มต้นปีใหม่

Review ปี 2018

ปีที่แล้วว่าจะรีวิวชีวิตของตัวเอง ที่ก้าวออกมาจากคอมฟอร์ทโซนแบบจริงจัง แต่ก็ไม่มีปัญญาจะทำ ติดเที่ยว ติดเขียนเปเปอร์วนๆไป นี่ว่าจะเขียนลงเฟสบุ๊ค ก็ระลึกได้ว่า... กูมีบล็อกนี่นา และไม่ได้อัพเดทมาเกินปีละ ถือซะว่าอัพเดทเรื่องเรียนไปด้วยละกัน ยำๆไปนะ สำหรับคนที่ติดตามเราเรื่องทุนไปด้วยเลย

ขอนิยามปี 2018 เลยว่า “ปีแห่งความขี้เกียจ” ความขี้เกียจนี่ทำให้ไม่เดินหน้าไปไหนเลยจริงๆนะ แต่ก็แก้ปัญหาขี้เกียจของตัวเองไม่ได้อยู่ดี ไม่รู้จะรีวิวแบบไหนดี เอาเป็นว่า คิดไรได้ก็จะพิมพ์ๆไว้นี่แหละ
เรื่องแรกก็เริ่มต้นด้วยเรื่องคลาสสิกเลย เรื่องเรียนนี่แหละ มาเรียนอยู่ตปท. ย้ายประเทศจากออสเตรียมาเดนมาร์ก ช่วงแรกๆก็คือเครียดมาก เพราะรายจ่ายมันโหดกว่าที่ออสเตรียสองเท่าเลย ช่วงเทอมแรกที่ย้ายมาใหม่ๆก็คือไม่ไปเที่ยวไหนเลย จริงๆคือไปไหนไม่ได้แหละ ต้องรอresidential card เลยขังตัวอยู่ในโคเปนฮาเกนต่อไป

การเรียนก็คือเป็นสไตล์ใหม่แบบที่ไม่เคยมาก่อนเลย คือต้องทำ Semester project ที่เหมือนเป็นทีสิสทุกเทอมอ่ะ สิ่งที่เรียกว่าดีหรือไม่ดีก็ไม่รู้คือ ทำงานกับเพื่อนเป็นกลุ่มนี่แหละ แล้วตัวเราเองก็คือ ไม่ชอบเถียงกับใครอ่ะ แต่เพื่อนนี่ชื่นชอบการเถียงกันมากๆ เรียกเท่ห์ๆก็คือดิสคัส นี่ก็นั่งหันหน้ามองไปมา พวกมึงเถียงกันให้พอ สรุปได้ค่อยเรียกกู แต่เราก็ถือว่าทุกอย่างมันโอเคนะ เรื่องสอบเราก็ขอแค่สอบผ่าน คะแนนไม่เหี้ยไปก็ถือว่าโอเคกับตัวเองแล้ว เพราะภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เก่งมากขนาดนั้น แล้วไหนจะต้องมาเข้าใจคำศัพท์แอดวานซ์ตั่งต่างไปอีกกก สอบก็คือทุกวิชาสอบพูดล้วนๆ คะแนนมาจากการพูดแบบเพียวๆ แล้วนี่พูดไทยยังจะไม่รู้เรื่อง พูดภาษาอังกฤษก็คิดเอาต่อเองเถอะ แค่เอาชีวิตรอดจากห้องสอบได้ก็บุญแล้ว

ปีนี้เป็นปีที่มีเพื่อนใหม่เยอะมากๆ เพราะเราไปปาร์ตี้บ่อย เจอเพื่อนของเพื่อนเวลาไปปาร์ตี้บ้านเพื่อน หรือว่าไปบาร์ที่มหาลัย ใช่ครับ ที่มหาลัยมีบาร์ทุกวันศุกร์ นี่ก็ไปเป็นอาสาสมัคร ไปขายเบียร์ ชงคอกเทล ซึ่งก็ได้เพื่อนจากตรงนั้นเพิ่มมาอีกนะ รู้วิธีดีลกับคนเมา หรือคนมากวนตีน หรือคนมาแซวใดๆก็ตาม ไหนจะในหอที่มีปาร์ตี้ เราก็ได้เพื่อนจากที่หอมาอีกนั่นแหละ เพื่อนในห้องเรียนอะไรแบบนี้ เป็นปีที่เจอคนเยอะมากๆ ซึ่งเราแฮปปี้นะ ถ้ามีโอกาสไปปาร์ตี้ก็คือพยายามไปแทบทุกอัน  เพราะไม่งั้นเราจะอยู่แต่ในห้องนี่แหละ ไม่ไปไหนทั้งนั้นอ่ะ ความขี้เกียจแม่งแทบชนะทุกอย่างจริงๆนะ ตอนไปงานอีเว้นท์ที่มหาลัยอื่น เราก็ได้ไปเจอเพื่อนคนไทยที่นั่นอีก เป็นครั้งแรกที่ได้เจอแก๊งคนไทยอ่ะ(ในมหาลัยตัวเองนี่ไม่เห็นมีคนไทยซักกะคน เศร้าแค่ไหนวะเนี่ย) อยู่ตปท.เกินปี พึ่งได้เจอคนไทยรุ่นราวคราวเดียวกัน แล้วก็เป็นการขยายเพื่อนไปอีกระดับ เริ่มมีเพื่อนมากขึ้นที่อยู่มหาลัยอื่น และนี่ไปหอเพื่อนบ่อยมากกก ไปเที่ยวฟินแลนด์ด้วยกัน มีเพื่อนที่เป็นแก๊งเอเชียนเกิร์ลที่แท้ทรู มันไม่ง่ายนะเว้ยที่จะหาเพื่อนเที่ยวด้วยกันแล้วโคตรจะแฮปปี้อ่ะ

เราเปิดโลกมากขึ้นจากการคุยกับคนหลายๆคน ได้ไปร่วมงานอีเว้น ไปเป็นอาสาสมัครใดๆมากขึ้น เจอคนมากขึ้น คุยกับคนมากขึ้น แล้วก็ทำให้รู้ว่า แม้จะอยู่ในโลกที่หนึ่ง ประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่คนโลกแคบมันก็ยังมีอีกเยอะมากๆจริงๆ เหยียดชนชาติ เหยียดเพศ เหยียดแม่งเข้าไป ก็รู้สึกแย่มากนะที่มีคนแบบนี้ที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล กูถูกที่สุด แม่งมีทุกที่จริงๆ อยากมีฟิลลิ่งว่ากูมั่นใจว่าถูกบ้างอ่ะ นี่คือมีอะไรคิดไว้ก่อนเลยว่า กูผิดแน่ๆเลยหว่ะ ความมั่นใจในตัวเองก็คงเป็นอีกเรื่องที่ต้องเพิ่มมั้ง นี่ชอบมั่นใจในตัวเองในเรื่องโง่อ่ะ แล้วก็มารู้ว่า กูผิดหว่ะ อยากให้ตัวเองมีความมั่นใจในสกิลตัวเองมากขึ้นนะ คือเรารู้สึกว่าไม่กล้าสมัครงานที่ไหน เพราะเรารู้สึกว่า ไม่มีสกิลอะไรเลยหว่ะ ไม่มีความสามารถอะไรเลย ทั้งๆที่พอพิจารณาตัวเองอีกที เรามีสกิลเพิ่มขึ้นนะ จากการเรียนนี่แหละ การเขียนเปเปอร์ที่เราต้องวิเคราะห์ทุกอย่างเอง ไม่ใช่แค่ต้องท่องจำแต่ต้องวิเคราะห์และก็อ้างอิงความรู้ที่มี อย่างน้อยๆสกิลนี้เราก็เพิ่มขึ้น สิ่งที่ยากคือพิจารณาความสามารถของตัวเองนี่แหละ มั่นใจไปก็ไม่ดี ไม่มั่นใจเลยก็จะนั่งหดตัวในกระดองแบบนี้นี่แหละ

ปีนี้ได้ออกจากคอมฟอร์ทโซนอีกระดับคือ ไปเที่ยวคนเดียวเกือบเดือนช่วงซัมเมอร์ เพราะไม่มีเพื่อนไปด้วยจริงๆ แล้วนี่ก็เสี้ยนเที่ยวจริงๆ ก็แพลนทุกอย่างเอง จองทุกอย่างเองเป็นครั้งแรก (ปกติคือเกาะเพื่อนไง เพื่อนวางแพลนยังไงก็ตามไปอย่างเดียว มีหน้าที่โอนเงินให้เพื่อนเท่านั้น) และด้วยความที่ไปคนเดียวก็ต้องแพลนทุกอย่างให้มันโอเคที่สุด ซัพพอร์ตตัวเองให้ปลอดภัยที่สุด แต่เป็นทริปโหดมากเหมือนกัน เพราะเรามีงบประมาณน้อยมาก แต่ก็ตัดสินใจไปสเปนกับโปรตุเกส เทคนิคการเที่ยวคือ จองที่พักใกล้ๆที่เที่ยว ราคาโอเค นี่ไม่แคร์นอนรวมชายหญิงเท่าไหร่ เช็ควิธีเดินทางให้ชัวร์ แพลนให้ดีว่าต้องนอนสนามบินไหม แน่นอนว่านี่นอนสนามบินบ่อยจนชินไปแล้ว อยู่เหมือนบ้านได้เลยแหละ แล้วเราก็เช็คเลยว่า เราไปเที่ยวที่ไหนแบบไม่ต้องเสียตังได้บ้าง ใช้สิทธินักเรียนอายุไม่เกิน26 ให้คุ้มที่สุดเท่าที่จะคุ้มได้ แล้วเราก็อินมิวเซียมอยู่แล้ว เพราะงั้นเช็คตลอดอ่ะ มิวเซียมไหนฟรีก็ไปเลยครับ ประทับใจ ปีกัสโซ่มิวเซียมมากๆ ดีจริง แล้วก็ถ้าอยากอินกับเมืองก็แนะนำว่าให้ไป Free walking tour จะได้รู้ประวัติศาสตร์ต่างๆ หรือได้คำแนะนำที่เที่ยวใดๆ ร้านอาหารจากไกด์ท้องถิ่นได้ดีมากๆ และไกด์ก็คือละอ่อน ใส หล่อมาเลยก็มี สวยมากๆก็มี แล้วก็มีแวะไปอยู่เบอร์ลินซักสามสี่วันกับเพื่อนของเพื่อนที่ตอนนี้ก็กลายมาเป็นเพื่อนของเราจริงๆนั่นหละ มั่นแค่ไหน ทักไปหาว่าขอนอนด้วย ทั้งๆที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนอ่ะ แต่ยังไงก็ตามเราจะไปหาแกที่เบอร์ลินอีกกกก ฉันชอบมากกกกก และรอให้แกมาหาที่โคเปนฮาเกนอยู่นะ ใครมาเที่ยวโคเปนก็บอกได้เลยอ่ะ ยินดีพาเที่ยวสุดๆนะ

ถ้าจะบอกว่าปีนี้เที่ยวน้อยก็ต้องบอกว่าตัวเองตอแหลมาก แม้ในควอเตอร์แรกจะเที่ยวน้อยจริงๆ คือไปเวียนนาไปทำวีซ่า แล้วก็ย้ายมาเดนมาร์ก แค่นั้นจริงๆ แต่หลังจากซัมเมอร์นี่แหละครับ ไปสเปน โปรตุเกส เยอรมัน แล้วก็กลับไทยไปลั้นลาแค่เดือนนึง พอกลับมาเราก็ต้องไปซัมเมอร์สคูลที่ออสเตรีย และทางที่ถูกที่สุดคือ นั่งรถบัสอ้อมไปทางเช็ค ก็เลยแวะเที่ยวที่เช็ค เคยไปปรากมาแล้วเมื่อปีก่อน ก็เลยไปเมื่องในฝันของตัวเอง cesky krumlov แทน (แนะนำว่าไปกับแฟนเถอะนะ โคตรโรแมนติกจริงๆ) จากนั้นก็ไปออสเตรีย ไปพรีเซนส์ทีสิสของตัวเอง ใช้เวลากับเพื่อน ไปเจอประธานาธิบดีของออสเตรีย(กูยิ่งใหญ่มาจากไหนก็ไม่รู้ ถถ) แล้วก็ไปสโลวาเกีย ต่อด้วยฮังการี บูดาเปสคือที่สุด ถูก ดี อาหารอร่อย สามสี่วันก็คือไม่พอจริงๆ แล้วก็ได้ไปหาเพื่อนที่เบลเยี่ยม ก่อนจะไปฟินแลนด์ ไปหาซานต้าคลอส แล้วก็พยายามลุ้นว่าจะเจอแสงเหนือไหม แต่ก็ไม่สำเร็จ ไปต่อที่สวีเดน เดินเล่นในสต็อกโฮล์ม ที่มันดีมากเลยยยย แล้วก็ไปจบที่นั่งเรือไปใช้ชีวิตในออสโลว์แค่ห้าชม. นึกไปๆมาๆ นี่ก็ไปหลายที่จริงๆ

ในเรื่องสุขภาพ ความขี้เกียจนี่แม่งชนะทุกเรื่องจริงๆนะ กินข้าวยังขี้เกียจอ่ะ ไม่ต้องพูดถึงออกกำลังกายเลย พยายามไปว่ายน้ำบ้าง แต่มันก็ไม่สม่ำเสมอเท่าไหร่เลย อาทิตย์ครั้งหรือสองอาทิตย์ครั้งแค่นั้นเลย มีปัญหาเรื่องปวดหลังตอนที่ไปเที่ยวสเปนช่วงแรกๆ คือปวดเหมือนจะตายอ่ะ ปวดเหมือนตอนเราทำงานที่เก่าแล้วยกของบ่อยๆจนเดี้ยงไปช่วงนึงนั่นแหละ(นี่คิดนะ กูเป็นโรคเรื้อรังหรอเนี่ย) แต่ก็ผ่านมาได้ และมามีปัญหาเรื่องแพ้อาหาร ผื่นลมพิษคือขึ้นทั้งตัวอ่ะ คันคะเยอมากๆ เจออาหารทะเลที่สเปนเข้าไป หายไปซักพักละนะ อยู่ๆตอนนี้มันกลับมาอีกแล้ว ผิวแห้ง ลอก แตก คันๆ เหมือนผื่นจะขึ้นอีกแล้ว (ผื่นขึ้นข้ามปีหว่ะ) เป็นเรื่องน่ารำคาญมากๆเลยนะ เกี่ยวกับผิวแพ้ง่าย สำออยเหลือเกินของตัวเอง

เรื่องความรักที่ตอนนี้ทุกคนแม่งมากรอกหูอยู่นั่น ว่าเมื่อไหร่จะมีแฟน ไม่ว่าจะเพื่อนที่ไทยหรือเพื่อนที่นี่ ชอบมาถามว่า ชีวิตเป็นยังไงบ้าง พอเราตอบเรื่องอื่น มันก็จะวกมาว่า กูหมายถึงเรื่องความรัก... คือกูไม่มีไง!!! จะให้ตอบยังไงวะ เพื่อนที่นี่ถึงขั้นเรียกไปอบรมเรื่องนี้เลยทีเดียว หาว่ากูไม่เปิดใจมั่งหล่ะ ผลักไสผู้ชายมั่งหล่ะ อ่ะ เอาจริงๆนะ ความขี้เกียจอ่ะ ชนะทุกอย่างจริงๆนะเว้ย คือนี่เป็นคนขี้เกียจคุยอ่ะ คือถ้าเจอหน้ากันอย่างเงี้ย มันเลี่ยงไม่ได้ มันก็ต้องคุยใช่ป่ะ แต่ถ้ามาแบบคุยกันทาง text เงี้ย กูไม่ตอบก็ได้ไง ถ้าขี้เกียจอ่ะ นี่ก็ขี้เกียจคุย..ไง ไม่ได้มีความสามารถในการแอ๊วผช.ใดๆเลยเว้ย แล้วจากการพิจารณาตัวเองนะเว้ย คือเราเปิดใจนะเว้ย แต่กูเงื่อนไขเยอะไง ข้อหนึ่งคือ กูโง่ คือคนเข้ามาเนี่ยถ้าเข้ามาแบบดีๆเนี่ยส่วนมากเป็นเก้ง และกลายมาเป็นเพื่อนรักกันไง หรืออิพวกกำกวมเราก็ไม่อยากคิดอะไรเยอะไง และข้อสองกูขี้กลัว ถ้าเข้ามาแบบบุกหนักเกินไป ชวนไปห้องดึกๆอย่างเงี้ย กูก็ไม่ไปไง!! หรืออยู่ๆมาเดินตามก็ไม่โอเคป่ะวะ.. เพื่อนก็พยายามยุให้แอ๊วผู้ชายก่อนสิ เธอต้องรู้จักการสบตานะ เวลาสนใจใครเธอต้องสบตา บลาๆๆๆ แล้วนี่ก็เป็นอีกประเด็นนึงเว้ย คือนี่บ้าผช.นะ ชอบผช.หล่อเว้ย ผช.คนไหนหล่อ คนไหนดี เราก็บอกว่า เออ ดี น่ารัก หล่อ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราอยากเป็นแฟนเขาป่ะวะ ก็ได้รู้ตัวอีกอย่างว่า เราชอบคนยาก คือถ้าแค่ปลื้มๆเพราะหล่อ ใจดี อะไรแบบนี้ มันธรรมดาไง ก็ปลื้มๆไง แต่ไม่ได้ชอบแบบ ต้องบุกอ่ะ ไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรืออ่ะ และก็ไม่ค่อยชอบให้คนอื่นมาแตะตัวด้วยไง(แม้เราจะชอบแตะตัวคนอื่น ไม่แฟร์สินะ ฮ่าๆ) ผมก็ยังครองตนเป็นโสดต่อไปครับ อาเมน

อีกเรื่องที่เราต้องพูดถึงคือ งานอดิเรกใหม่ของตัวเองเว้ย นี่รู้ตัวว่าตัวเองวาดรูปไม่เก่ง เรื่องศิลปะคือโง่สัส แต่ปีนี้เราอยากเริ่มเล่นสีน้ำ แล้วก็เริ่มเล่นสีน้ำแบบค่อนข้างจริงจังประมาณนึง แต่ก็ยังต้องพยายามชนะความขี้เกียจของตัวเองให้มาเล่นสีน้ำให้มากขึ้น พอมาลองเล่นสีน้ำ ดูวีดีโอหาแรงบันดาลใจ ก็พบว่า เราก็ไม่ได้แย่เรื่องอาร์ตสักหน่อย เราทำได้นะเว้ย ก็สนุกกับตัวเองในด้านนี้มากขึ้น จะพยายามรังสรรค์ผลงานมาเรื่อยๆครับ

เราไม่อยากให้ผ่านปีนี้ไปเลย แม้จะไม่ใช่ปีที่โคตรจะดี แต่มันก็ไม่แย่ และเราก็รู้ว่าเราจะยังปลอดภัย มีที่ซุกหัวนอน มีเงินใช้ มีบ้านอยู่ มีที่เรียน แต่ปีหน้านี่สิ ไม่รู้เลยว่า ชีวิตจะเป็นยังไง จบสิ้นเดือนมกราจะมีที่ซุกหัวนอนไหม จะได้ไปฝึกงานรึเปล่า แล้วเรียนจบจะหางานทำได้หรือไม่ แค่คิดถึงอนาคตในปีข้างหน้า แม่งก็เครียดเหมือนกันนะ เรายังไม่พร้อมจะกลับไทยหลังเรียนจบหรอก เราอยากใช้ชีวิตที่นี่ไปซักพักก่อน แต่ชีวิตมันก็ต้องเดินต่อไปนี่หว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แล้วเราก็ต้องรอรับมือมันให้ได้ พยายามจะรับมือกับทุกสถานการณ์ให้ดีขึ้นในปีหน้าละกันนะ


31/12/2018
ขอให้ปีหน้า เป็นปีที่ดีละกันนะ :)


Related Articles

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น