หลังจากเห็นหลายๆคนโพสเรื่องของปีเก่าในเฟสบุ๊คกันอยางมากมาย ทั้งที่ทำสำเร็จ หรือทำไม่สำเร็จ และอยากจะทำอะไรต่อไปในปี 2017 เลยคิดว่า เราก็คงต้องมารีวิวตัวเองในปีที่ผ่านมาเหมือนกันนะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง และส่งผลอะไรกับเราบ้าง...
มกราคม 2016 : จำได้ว่าช่วงต้นปีเป็นอะไรที่โคตรวิ่งวุ่นเอามากๆ เพราะอยากไปเรียนต่อต่างประเทศแบบไม่มีตังค์(พูดง่ายๆว่าส่งทุนนั่นแหละ) ก็เลยต้องปั่น essay มากมาย ส่งทันบ้างไม่ทันบ้าง ทำงานแบบเรื่อยๆเฉื่อยๆ
กุมภาพันธ์ 2016 : เรายังคงเรียนคอร์สภาษาอังกฤษที่ลากยาวจากปีที่แล้วมาจนถึงปีนี้ การเรียนภาษาทำให้เราพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเองได้มากจริงๆ จากโง่ๆ เขียนประโยคภาษาอังกฤษแบบเชิงซ้อนไม่ถูกซักที แต่ก็ดันตัวเองมาจนสอบ IELTS ได้ 6.5 แบบคูลๆ แถมเรายังมีเพื่อนๆพี่ๆมากมายจากการเรียนที่นี่ และรู้สึกสนุกมากๆที่ได้ไปเรียน รู้สึกเลยว่ามีความสุขกว่าทำงานเยอะเลย
มีนาคม 2016 : เป็นเดือนที่เราตัดสินใจจะย้ายงาน เริ่มสมัครงานไปที่ใหม่ และแค่ไม่กี่วันเราก็ถูกเรียกสัมภาษณ์ มีให้ทำงานไปโชว์ 1 กระบวนท่า ก็สำเร็จครับ เราได้ทำงานที่ใหม่ และการออกจากที่เก่าก็ทำให้เราเศร้านะ เพราะถึงเราจะไม่ได้ชอบเนื้องาน แต่สังคมที่เราอยู่มันดีมากๆเลย สามารถคุยกับเพื่อนๆพี่ๆได้อย่างสนุกสนาน ขอความช่วยเหลือได้โดยไม่ต้องคิดมากทุกคนใจดีกับเราจริงๆ และอีกข่าวดีนึงที่เราไม่ได้รู้ตัวเลยคือ เราผ่านเข้ารอบสุดท้ายของทุนที่เราสมัครไปเมื่อต้นปี ตอนนั้นดีใจมากๆเลย ก็ได้แต่ลุ้นต่อว่าผลจะเป็นยังไง
เมษายน 2016 : เริ่มต้นเดือนมาหลังจากจบการเรียนภาษาอังกฤษแล้ว เราเลยเริ่มเรียนว่ายน้ำ ใช่!! เราว่ายน้ำไม่เป็นและรำคาญตัวเองมากด้วยที่ว่ายน้ำไม่เป็น และผลของทุนก็ออกมาในช่วงต้นเดือนคือเราติดตัวสำรองต้องรอตัวจริงสละสิทธิซะก่อน(แล้วใครจะสละสิทธิกัน!! ทุนฟรีทุกอย่างขนาดนั้น) ยิ่งไปกว่านั้นเดือนนี้คือการเริ่มต้นอะไรหลายๆอย่างที่เราก็ไม่คิดเลยว่ามันจะทำให้เราเครียดแทบบ้า ร้องไห้แทบทุกวัน กดดันตัวเองจนอึดอัด พูดอะไรกับใครไม่ได้ ร้องไห้บนรถเมล์เป็นครั้งที่สองในชีวิต การเริ่มงานในที่ใหม่ที่ไม่คุ้นเคย การทำงานอีกแบบนึง ในสังคมอีกแบบนึง จริงๆเราเป็นคนปรับตัวง่ายมาก อัธยาศัยดีจนไม่รู้จะดีไปไหน แต่การมาทำงานที่นี่ เราแม่งโคตรเครียด.. ก็นึกว่าจะดีขึ้นนะ เราก็พยายามต่อไป
พฤษภาคม 2016 : เดือนนี้ที่เราก็ยังคงเครียดอยู่เหมือนเดิม หนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ จนแทบอยากจะไปหาหมอเพื่อตรวจว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า?? เราเครียดเบอร์นี้จริงๆ เราไม่ได้มีความสามารถหรือเก่งในสายงานของเรา เราโดนพูดกดดันตลอดเวลาว่า มีโอกาสให้แค่สามเดือนนะว่าจะผ่านโปรไหม? และเรายังพิสูจน์ให้เขาเห็นไม่ได้ว่าเราจะทำได้ เราไม่กล้าคุยกับใครในที่ทำงานเลย ไม่กล้าปรึกษา เพราะพอเราบอกปัญหาอะไรไป สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มันย้อนมาทำร้ายตัวเราเอง เราดูถูกตัวเอง ตอนนี้ก็ยังดูถูกอยู่นะ.. รู้สึกตัวเองแม่งโง่จริงๆเลยหว่ะ ไร้คุณค่าชะมัด บรรยากาศการนั่งทำงานของเราคือ เรานั่งเงียบ ทั้งๆที่ปกติเราขี้โวยวาย พูดมากจะตายไป... แต่โชคยังดีนะที่เรามีแอบหนีเที่ยวในช่วงวันหยุด ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนสนิท ได้สนุกสุดเหวี่ยง ได้นั่งคุยกัน ระบายความเครียดกันบนรถไฟ ก็ได้ฟิลดีนะ แถมยังได้ไปบ้าที่เกาะพะงัน ดำน้ำลึกแบบเท่ห์ๆที่เกาะเต่าภายใน 1 วันด้วย
มิถุนายน 2016 : ความเครียดยังคงสะสมอยู่กับเราตลอดทั้งเดือน เพื่อนๆ ครอบครัว เริ่มเป็นห่วงเรา เริ่มบอกเราแล้วหล่ะว่า นี่มันไม่เวิร์คแล้วนะ ถ้าแกทำงานแล้วไม่มีความสุขแบบนี้ พอเถอะ ถ้าไม่ผ่านโปรก็ช่างแม่งเถอะ เราก็ปลงใจหว่ะ ช่างแม่งจริงๆ กูหางานใหม่ก็ได้ แต่พอตอนจบเดือน ถึงเวลาชี้ชะตาชีวิต กลายเป็นว่า... นี่กูต้องต่อโปรอีกสองเดือนหรอ?? โอเค กดดันต่อไปอีกสองเดือนค่ะ แต่หลังจากนั้นเราไม่สนแล้วแหละ จะทำอะไรก็เชิญ ก็เชิญได้เลยตามสบายยยย ฉันจะเลิกเครียดเดี๋ยวนี้(ประโยคนี้บอกตัวเองมาตั้งแต่เริ่มทำงานอ่ะ อือหือออ)
กรกฎาคม 2016 : เราตัดสินใจลงเรียนภาษาเยอรมันที่เกอเธ่.. และนั่นทำให้เราสนุกมากอีกแล้ว เราเป็นคนชอบเรียนจริงๆด้วยสินะ และเราก็ได้เพื่อนๆเพิ่มอีกมากมายจากการเรียนภาษาเยอรมันที่นี่ ได้ไปเที่ยวกับแก๊งเพื่อนชั่วที่หัวหิน กิน นอน เมา ทำกันอยู่แค่นั้น ส่วนกับการทำงาน เราก็ทำต่อไปนั่นแหละ...
สิงหาคม 2016 : ก็เริงร่ามีความสุขกับการไปเรียนภาษาเยอรมัน นัดเจอเพื่อน ไปส่งพี่ไปเรียนต่อ ไปปาร์ตี้ หลั่นล้าเท่าที่จะทำได้ และการโดนยุให้ออกจากงานตลอดเวลาของที่บ้าน เพราะย้ายออฟฟิศไปไกลบ้านมากๆ เลยต้องกลับบ้านดึกไปอีก และ.... เราผ่านโปร ทำงานต่อไป...
กันยายน 2016 : เดือนนี้ก็แค่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เริ่มแพลนแผนเที่ยวกับเพื่อนตลอดเวลา ติดซีรี่ย์เกาหลีอีกต่างหาก ไหนจะค่าใช้จ่ายเดือนชนเดือนตลอดในช่วงนี้เพราะเจียดเงินไปจ่ายค่าเรียนเยอรมันไปซะเยอะ
ตุลาคม 2016 : ทุนหลายๆทุนเริ่มเปิดอีกแล้ว เราก็เริ่มหาช่องทางการเรียนต่อต่อไป พยายามดูในหลายๆประเทศ หลายประเทศจริงๆนะ ทั้งเยอรมัน ฝรั่งเศส สวีเดน ออสเตรีย ทุกประเทศที่มีทุนให้เราไปเรียนเลยแหละ แน่นอนว่าทุนรัฐบาลเราก็เล็งๆไว้เหมือนกัน ก็ทำงานไป หาข้อมูลเขียน LOM ไปด้วย ชีวิตโคตรเรื่อยๆ
พฤษจิกายน 2016 : เดือนแห่งการแพลนไปเที่ยว จองรถ จองตั๋วกันให้พร้อมที่จะออกเดินทางไปทริปเหนือจรดใต้ตามสไตล์คนบ้า ตัดสินใจวางแพลนกันแบบบ้าๆนี่แหละ เล่นบอร์ดเกมส์เยอะขึ้น พยายามชวนเพื่อนมาเล่นด้วยกันอย่างบ้าคลั่ง
ธันวาคม 2016 : เดือนสุดท้ายที่เราไม่รออะไรเลยนอกจากรอไปเที่ยวอย่างเดียว ครั้งแรกที่ได้ไปเดินเขา และก็จัดดอยหลวงเชียงดาวเลยฮะ ไปแบบไม่ได้ออกกำลังกาย เหนื่อยแทบขาดใจแต่ก็สนุกมาก ได้เจอน้องๆข้างบน ทำตัวเกรียนๆ รู้จักคนเยอะขึ้น ได้มิตรภาพเพิ่ม ไหนจะตอนดิ่งลงใต้ ก็ได้ไปเล่น Slip n Fly ซึ่งแม่งสุดจริงๆ เจ็บสุดจริงๆ และแน่นอนว่าเราได้เพื่อนเพิ่มอีก 1 ea แม้จะเฟลปาร์ตี้ที่พะงัน แต่ก็มันส์ดีนะเว้ย ไว้ไปแก้ตัวกันใหม่ดีกว่า และแน่นอนว่าเราจบปีนี้ด้วยการไปสวดมนต์ข้ามปีที่ทำติดต่อกันมาเป็นปีที่ 5 หรือ 6 แล้วแหละนะ (เห็นหน้าอย่างงี้ พี่ก็สวดมนต์นะน้อง)
รีวิวแบบยาวๆของปีที่ผ่านมาจบไปแล้ว(เลยไม่อยากไปรีวิวบนเฟสไง 5555) คิดดูดีๆเป็นปีที่หนักหนาสำหรับเราเหมือนกันนะ ทั้งเครียดหนัก เรียนหนัก พยายามหนัก เที่ยวหนัก(ก็ไม่ได้หนักมาก ปี 2017 น่าจะหนักกว่า ฮี่ๆ) ที่สำคัญว่ายน้ำเป็น ได้ดำน้ำ ได้ปีนเขา ได้ไปฟูลมูน เห้ยยยย ถือว่าเป็นปีที่ดีนะ จริงๆ แล้วไหนจะได้เรียนภาษาเยอรมันเพิ่มความรู้ให้ตัวเองหน่อย แม้ว่าการเงินจะมีปัญหาหนักมากก็ตาม
ในส่วนของปี 2017 นี้นั้นนนนน...
- จะไม่หนีสอนพิเศษน้อง เพราะเราได้ตังค์นะเหวยยยย
- พยายามไปทำงานให้เช้าขึ้นกว่าเดิม จะได้ไม่ต้องเสียตังค์ค่ามอไซ
- ติดทุน แล้วก็ได้ไปเรียนต่อซะทีเหอะ มีคนเอาใจช่วยเป็นร้อยคนละเนี่ย (ความฝันแท้ๆเลยอันนี้)
- อ่านหนังสือที่ดองไว้สามสิบกว่าเล่มซะทีเห้ออออ ปกติไม่ค่อยชอบดองหนังสือแท้ๆ
- ได้เดินทางในที่ที่อยากไป(อย่างน้อยก็ได้ไปเวียดนามแน่ๆแหละวะ หวังว่าจะลางานได้)
- เก็บเงินหน่อยเว้ย อย่างน้อยก็เก็บไว้จ่ายค่าเรียนเยอรมันนะมึงงงงง
- เขียน Blog ให้มันเสร็จๆหน่อย เขียนค้างคาไว้หลายบทความมาก แล้วก็ยังจะมีอันใหม่มาอีกเรื่อยๆ
ปล. หวังว่าเราจะทำได้อย่างที่หวัง และที่หวังไว้สูงสุดคือ ไปเรียนต่ออออออออ
01 JAN 2017 @Home
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น